เดือน: ตุลาคม 2020

ตึกร้างไฮแลนด์ทาวเวอร์ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย

          สำหรับเรื่องราวที่จะพูดถึงต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่พูดถึงกันมากในประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นตำนานที่พูดถึงความน่ากลัวของอาคารแห่งหนึ่งที่เคยโดดเด่นและสวยงามในประเทศมาเลเซียอย่างมากโดยตึกดังกล่าวนั้นชื่อว่าไฮแลนด์ทาวเวอร์ซึ่งตึกดังกล่าวนั้นจะมีการสร้างไว้ 2 ตึกคู่กัน

โดยคนที่จะมาอาศัยอยู่ในตึกนี้จะต้องเป็นคนที่มีเงินและมีฐานะเนื่องจากว่าตึกนี้ค่อนข้างหรูและราคาแพงอย่างไรก็ตามเมื่อประมาณปีคริสตศักราช 1993 ตึกแกรนด์ทาวเวอร์ 1 ใน 2 ตึกนั้นได้เกิดถล่มลงมาและทำให้มีคนล้มตายเป็นจำนวนมากจากการตึกถล่มในครั้งนั้นและเมื่อทั้งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ได้มีการเก็บกู้ซากตึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อีกตึกที่เหลือที่เป็นตึกฝาแฝดคู่กันก็รกร้างทันทีเนื่องจากว่าผู้คนไม่กล้าอยู่อาศัยเพราะเกรงว่าตึกจะถล่มลงมาเหมือนกับตึกคู่แฝดนั่นเองทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตึกทาวเวอร์ที่ยังเหลืออีก 1 ตึกนั้นถูกปล่อยให้รกร้างและไม่มีคนอยู่อาศัยและตามความเชื่อของคนในสมัยโบราณต่างก็เชื่อกันว่าหากตึกถูกปล่อยทิ้งรกร้างไม่มีใครดูแลหรืออยู่อาศัย

ก็จะทำให้เหล่าวิญญาณเร่ร่อนทั้งหลายนั้นเข้าไปอยู่และมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องของตำนานผีที่สิงสถิตอยู่ในตึกแกรนด์ทาวเวอร์แห่งนี้ โดยมีการเล่าขานถึงความน่ากลัวของผีที่ตึกแกรนด์ทาวเวอร์ว่ามีแท็กซี่คนหนึ่งได้มีการรับผู้โดยสารคนหนึ่งขึ้นแท็กซี่มาโดยเธอบอกให้แท็กซี่คนดังกล่าวนั้นไปส่งเธอที่ Hi Land Tower

ซึ่งแท็กซี่ก็ได้คุยกับผู้โดยสารสาวว่าที่ไฮแลนด์ Tower นั้นปัจจุบันกลายเป็นอาคารร้างแล้วไม่มีคนอยู่อาศัยและเขายังถามเธอด้วยว่าเธอจะไปที่นั่นทำไมซึ่งเธอก็ได้ตอบกลับแท็กซี่คนดังกล่าวไปว่าที่เธอต้องการเดินทางไปที่นั่นเนื่องจากว่าแขนและขาของเธอยังคงอยู่ที่นั่นเธอต้องการที่จะไปตามแขนขาของเธอกลับคืนมาและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านต่างก็ร่ำลือกันถึงความเฮี้ยนของผีสาวที่อาศัยอยู่ที่ตึกแกรนด์ทาวเวอร์และนับตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครที่จะกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวที่ตึกนั้นกันอีกเลยทำให้ตึกร้างแห่งนั้นยังคงปิดล้างมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง 

     สำหรับเหตุการณ์เรื่องราวนี้เป็นเรื่องเล่าที่มีการเล่าต่อๆกันมาของคนในพื้นที่เท่านั้นซึ่งคนรุ่นหลังอย่างเราก็คงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่เพราะปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครที่ได้เห็นวิญญาณผีสาวตอนนั้นอีกเลยหรือที่ไม่เห็นเพราะว่าไม่มีใครกล้าจะเข้าไปที่นั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    ีดฟิำะ

ตำนานผีตาฮก

  ที่อำเภอพุนพินจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มีตำนานที่พูดถึงชายชราคนหนึ่งชื่อว่าตาฮก โดยตาฮกนั้นมีอาชีพหาปลาขายซึ่งเขาจะทำการทอดแหอยู่บริเวณคลอง นายพราง ซึ่งตาฮกนั้นมีลูกชายอยู่คนหนึ่งที่ชื่อว่านายนุ้ย

อยู่มาวันหนึ่งตาฮกและนายนุ้ยลูกชายของเขาได้ออกไปทอดแหหาปลาตามปกติ ซึ่งในวันดังกล่าวนั้นถือว่าวันนั้นเป็นวันที่โชคดีของตาฮกและลูกชายเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าทุกครั้งที่มีการทอดแหลงไปพวกเขาก็จะได้ปลาเป็นจำนวนมากและในการทอดแหครั้งสุดท้ายในวันนั้นนั่นเองปรากฏว่าระหว่างที่มีการเก็บปลาที่ติดแหอยู่นั้นได้มีจระเข้ตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่ง

กระโจนเข้าใส่ร่างตาฮก และฟันของจระเข้ตัวดังกล่าวก็งับเข้าที่กลางลำตัวของตาฮกทันที ทำให้ตาฮกถูกตัดออกเป็น 2 ท่อนครึ่งท่อนล่างของลำตัวนั้นตกอยู่ในเรือ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ลูกชายของตาฮกซึ่งนั่งอยู่ในเรือลำดังกล่าวด้วยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขาตกใจมากและรีบพายเรือกลับบ้านทันที

โดยมีร่างกายของตา ฮกท่อนล่างติดมาบนเรือด้วย เมื่อกลับมาถึงบ้านลูกชายของตาฮกก็จัดงานศพให้กับสาวกและในวันสุดท้ายของการจัดงานศพนั้นในนุ้ยก็ได้มีการประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้ทั่วกันว่าเขาจะเลิกทำมาหากินด้วยการหาปลาตลอดชีวิต

หลังจากนั้นนายนุ้ยก็เดินทางไปอาศัยอยู่กับญาติที่จังหวัดอื่นและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่เคยมีใครรู้ข่าวคราวของนายนุ้ยอีกเลย ถึงแม้ว่าเรื่องราวของนายนุ้ยจะไม่มีใครเคยได้ยินหลังจากนั้นแต่เรื่องราวของตาฮกนับตั้งแต่เสียชีวิตนั้นกลับมีคนพูดถึงกันเป็นจำนวนมากโดยมีการเล่าเรื่องราวผีของตาฮกว่าค่อนข้างเฮี้ยนผู้คนที่พากันออกเรือไปหาปลานอกจากจะต้องกลัวว่าจะต้อง

เจอกับจระเข้ตัวดังกล่าวที่จะมาคอยกัดกินจนเองแล้วยังต้องกลัวผีตาฮกที่ออกอาละวาดอีกด้วย โดยมีการเล่าถึงความเฮี้ยนของผีตา 6 ว่าหลังจากที่มีการจัดงานศพไปแล้ว 7 วันนับตั้งแต่นั้นชาวบ้านก็มักจะได้ยินเสียงเรือของตาฮกที่เคยใช้หาปลาอยู่เป็นประจำมีเสียงดังอี๊ดอ๊าดอยู่ตลอดเวลาและบางครั้งก็ได้ยินเสียงคล้ายกับไม้กระดานกระทบน้ำ

ซึ่งหลายคนได้ไปลองพิสูจน์ดูแล้วก็ไม่พบว่าจะมีเรือของใครมารออยู่ตรงนั้นแต่ในทุกค่ำคืนชาวบ้านก็จะได้ยินเสียงเช่นนี้อยู่เป็นประจำจึงทำให้หลายคนนั้นเชื่อกันว่าเสียงดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเสียงของวิญญาณตาฮกที่นำเรือลงน้ำเพื่อที่จะออกไปหาปลาเหมือนกับตอนที่เราฮกนั้นยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง อย่างไรก็ตามเรื่องราวของความเฮี้ยนของผีตาฮกนั้นยังมีการพูดถึงกันอยู่จนถึงทุกวันนี้หากใครไปที่หมู่บ้านที่ตาฮกอาศัยอยู่ก็จะได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่พูดถึงความเห็นของผีตาฮกให้ฟังอยู่เป็นประจำนั่นเอง 

     

สนับสนุนโดย  ufabet บาคาร่าออนไลน์

ต้นกำเนิดดอกกุหลาบ นางมัทนาพาทา

ในสรวงสวรรค์ชั้นที่เจ็ดได้มีนางฟ้านางหนึ่งซึ้งมีนางฟ้านางนี้นั้นมีหน้าตาที่สะสวยงดงามเป็นอย่างมาก ใครที่เห็นนางนั้นต่างก็ต้องตกหลุมรักนางแต่ไม่เคยมีใครคนไหนเลยที่นางนั้นจะอยากแต่งงานด้วย

โดยหนึ่งในคนที่หลงรักนางนั้นก็คือพระองค์อินทร์ซึ้งทรงตกหลุมรักนางแรกพบมีอยู่วันหนึ่งที่พระองค์อินทร์นั้นตัดสินใจว่าในวันนี้นั้นพระองค์อินทร์ตัดสินใจว่าระองค์นั้นจะทรงของนางแต่งงาน หลังจากนั้นพระองค์จึงได้เรียกให้นางฟ้าที่พระองค์อินทร์นั้นชอบมาหาซึงนางฟ้าคนนั้นมีชื่อว่านางมัทนา

โดยพระองค์อินทร์นั้นได้บอกนางมัทนาว่าพระองค์นั้นต้องการที่จะแต่งงานกับนางมัทราแต่นางมัทรานั้นกลับรีบตอบว่า “ ข้านั้นไม่ได้รักท่าน ข้าว่าท่านนั้นไปรักผู้อื่นเถิด หากคนไม่รักกันยังไงก็ไม่มีทางที่จะอยู่ด้วยกันได้ ซึ้งที่ข้าพูดมานั้นก็หมายถึงพระองค์กับข้าที่ไม่ได้คู่กัน” เมื่อพระองค์อินทร์ได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับไปว่า “ในเมี่อเจ้านั้นไม่ได้รักข้า

เจ้าก็จะไม่ได้รักใคร เมื่อไหร่ที่เจ้ายอมแต่งงานกับข้า ข้าจึงจะเสกให้เจ้านั้นกลับเป็นเหมือนเดิม” และพระองค์อินทร์ก็ได้เสกให้นางมัทนากลายเป็นดอกไม้ที่ไม่มีใครรู้จักโดยได้กลายเป็นดอกกุหลาบ  โดยพระองค์อินทร์นั้นยังบอกกับนางมัทนาอีกว่า “ในทุกๆวันเพ็ญเจ้าจะกลายร่างเป็นมนุษย์” สิ้นคำพูดนางมัทนาก็ได้ไปเป็นดอกกุหลาบบนโลกมนุษย์

โดยหลังจากนั้นรถเสนได้เดินทางเข้าไปในป่าและผ่านไปในจุดที่มีดอกกุหลาบอยู่ซึ้งดอกกุหลาบนั้นก็คือนางมัทนานั้นเอง นางมัทนานั้นตกหลุมรักรถเสนตั้งแต่แรกพบแต่ไม่ว่านางจะทำอย่างไรรถเสนก็ไม่ได้ยินคำพูดของนาง สุดท้ายนางจึงได้ขอร้องให้พระองค์อินทร์ทรงช่วยเหลือให้นางกลับไปเป็นมนุษย์อีกครั้ง

ซึ้งพระอินทร์ก็ตอบตกลงแต่ให้ข้อเสนอว่าถ้าช่วยแล้วนางมัทนาจะต้องแต่งงานกับพระอินทร์แต่ด้วยความที่นางนั้นไม่ได้รักพระองค์นางจึงไม่ยอมแต่งงานกับพระองค์ เพราะโกรธพระอินทร์จึงได้ร่ายคำสาปให้นางมัทนากลายเป็นดอกกุหลาบตลอดไป โดยหลังจากนั้นรถเสนก็ได้รู้เรื่องราวจากฤษีว่านางมัทนานั้นรักเขามากเพียงใดเขาจึงได้ไปหาดอกกุหลาบ

ซึ้งก็คือนางมัทนาและขุดต้นกุหลาบขึ้นมาเพื่อขอร้องให้พระฤษีนั้นช่วยเหลือโดยการเสกให้ดอกกุหลาบนั้นจะไม่ตายจนกว่าพระองค์จะตาย ด้วยความสงสารฤษีจึงเสกตามที่รถเสนได้ขอเอาไว้หลังจากนั้นดอกกุหลาบก็เริ่มมีหลายสายพันธ์มากขึ้นจนกลายเป็นดอกไม้ที่เรารู้จักกันนั้นเอง ค่ะ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เซ็กซี่ บาคาร่า ทดลองเล่น

ประวัติกำเนิดการใช้ไฟฟ้าของไทย

คุณรู้หรือไม่ไฟฟ้านั้นเกิดขึ้นวันที่เท่าไหร่และใครเป็นคน ที่เป็นคนนำไฟฟ้ามาให้คนไทยของเราทุกคนได้ใช้กันเป็นคนแรกแน่นอนว่าทุกบ้านมีไฟฟ้าใช้กันแล้วแต่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเลยว่าแท้ที่จริงแล้วก่อนที่ประเทศไทยนั้น

จะมีไฟฟ้าใช้กันนั้นเราเคยอยู่กันอย่างที่ต้องใช้เทียนและตะเกียงเป็นตัวให้แสงสว่างซึ่งแน่นอนว่าก่อนเราจะมีไฟฟ้าเราก็ใช้ตะเกียงและเทียนกันอยู่นานพอสมควรทีเดียวแต่หลังจากเมื่อมีไฟฟ้าเข้ามาในประเทศไทยก็ทำให้แต่ละพื้นที่เริ่มมีการขยายการใช้ไฟฟ้ากันมากยิ่งขึ้นซึ่งปัจจุบันไฟฟ้านั้นก็มีการขยายให้ประชาชนได้ใช้งานเกือบทุกภาคของประเทศไทยแล้ว

แต่มีใครเคยคิดถึงมีคำว่าใช้ที่จริงแล้วไฟฟ้าที่เราใช้กันอยู่นี้เราใช้กันตั้งแต่ตอนไหนสำหรับข้อมูลนี้หากไปค้นจากประวัติข้อมูลจากทางด้านการไฟฟ้าแล้วคุณจะพบว่าประเทศไทยนั้นมีการใช้ไฟฟ้าครั้งแรกเกิดขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหรือพระมหากษัตริย์ของไทยเราในสมัยรัชกาลที่ 5 นั่นเอง

โดยการใช้ไฟฟ้าในครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเพราะว่า มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งชื่อว่าจอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีซึ่งท่านนั้นมียศฐาบรรดาศักดิ์เป็นถึงเจ้าหมื่นไวยวรนาถโดยท่านได้มีการนำเงินส่วนตัวของท่านไปซื้อเครื่องปั่นไฟฟ้ามาจากประเทศอังกฤษโดยท่านหวังว่าจะนำเครื่องปั่นไฟฟ้านั้นมาปั่นไฟฟ้าเพื่อใช้ในการจัดงานเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั่นเอง

ซึ่งในวันดังกล่าวนั้นตรงกับวันที่ 20 เดือนกันยายน ปีพุทธศักราช 2427 รายการไปซื้อเครื่องปั่นไฟครั้งแรกนั้นทางด้านจอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีนั้นได้ใช้เงินส่วนตัวของตนเองถึง 14,400 บาท หรือถ้าคิดเป็นเงินในสมัยโบราณก็อยู่ที่ประมาณ 180 ช่างไปทำการซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามาจำนวนทั้งหมด 2 เครื่องด้วยกัน

แล้วมาใช้ในการจัดงานให้กับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 หลังจากนั้นเมื่อชาวเมืองต่างก็ได้เห็นว่ามีการเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นในพระราชวังของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทุกคนต่างก็พากันตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมากและแน่นอนว่าด้วยพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 นั่นเอง

พระองค์ได้ประทานให้ทางเจ้าหน้าที่นั้นได้มีการเชื่อมต่อไฟฟ้าส่งจ่ายออกมาจากพระราชวังเพื่อให้แจกจ่ายกันไปถึงประชาชนแต่ขั้นตอนแรกนั้นก็จะมีการส่งต่อให้กับพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก่อนหลังจากนั้นก็มีการพัฒนาเรื่อยมาจนถึงการแจกจ่ายให้กับประชาชนและนับจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการติดตั้งโรงไฟฟ้าขึ้นซึ่งการติดตั้งโรงไฟฟ้าขึ้นครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นจากการที่มีบริษัทจากต่างประเทศมาขอสัมปทานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งบริษัทนั้นมาจากประเทศเดนมาร์กนั่นเอง

 

ขอขอบคุณ  เซ็กซี่ บาคาร่า ขั้นต่ำ10บาท

แสง สี เสียง 

หากพูดถึงศิลปะคือการถ่ายทอดการแสดงออกทางอารมณ์ทางความคิดเห็น หรือการพัฒนางานต่างๆให้มีสุนทรียภาพอย่างไรก็ตามผู้คนต่างๆมีความต้องการในการศึกษางานต่างๆอยู่เสมออยู่แล้ว นึกว่าจะเป็นเด็กผู้ใหญ่คนแก่หรือผู้คนที่มีอาชีพทำอะไรก็ตาม อย่างไรก็ตามที่จะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงลักษณะความเป็นอยู่ของผู้คนหรือวัฒนธรรม

การใช้ชีวิตผู้คนส่งผลอย่างยิ่งกับ เรื่องราวต่างๆ ผู้คนสามารถศึกษาการระบายลมหรือสุนทรียภาพแห่งการใช้ชีวิตสิ่งต่างๆมากขึ้น อย่างไรก็ตามที่จะเป็นส่วนสำคัญที่ในยุคปัจจุบัน งานศิลปะไม่ใช่เพียงแต่งงานภาพเขียนภาพพิมพ์หรือแม้จะเป็นงานปฏิมากรรมใหญ่เท่านั้น สถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Museum หรือแม้แต่จะเป็นของศิลปะมีการจัดแสดงศิลปะมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นSpace Art ซึ่งเป็นงานศิลปะแบบพื้นที่มีการจัดแสดงรูปทรงต่างๆหรือว่ารูปร่างต่างๆตามสถานที่ต่างๆอย่างไรก็ตามจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ในยุคปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของงานศิลปะมีการพัฒนาขึ้นเยอะผู้คนสามารถพัฒนางานต่างๆของตัวเองได้เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยคือการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆคือการแสดงออกทางอารมณ์หรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆในยุคปัจจุบันจึงได้รับความนิยมอย่างมากที่ผู้คนและการมีความสนใจในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงงานหรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนางานต่างๆ

งานพากย์เสียงหรือแม้แต่จะเป็นงานที่แสดงถึงแสงดังกล่าวก็เป็นการแสดงออกถึงอารมณ์เช่นเดียวกัน นี่ถึงเป็นงานศิลปะที่แท้จริงที่ผู้คนต่างๆสามารถเข้าถึงง่ายมากขึ้นอย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงทุกสมัยทำให้ผู้คนมีการพัฒนาทางด้านความคิดหรือแม้แต่จะเป็นการเรียนรู้ต่างๆการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยต่างๆเหล่านี้ช่วยให้ลักษณะของการทำงานหรือแม้แต่จะเป็นการสร้างผลงานต่างๆในยุคปัจจุบันสามารถเข้าถึงทุกคนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะยุคที่เทคโนโลยีต่างๆไม่ว่าจะเป็น internet หรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถเข้าถึงทุกคนง่ายมากขึ้นจึงทำให้มีการเผยแพร่งาน ศิลปะต่างๆที่ดีมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงวงการแฟชั่นในยุคปัจจุบันที่นำงานศิลปะนำมาพัฒนาการออกแบบ

ในยุคสมัยปัจจุบันงานศิลปะไม่มีขอบเขตหรือไม่มีข้อกำหนดต่างๆมีการผลิตอย่างอิสระการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยในการพัฒนางานดังกล่าวนี้ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการใช้ชีวิตหรือแม้แต่จะเป็นการเสพสื่อต่างๆ ในยุคปัจจุบันก็มีการพัฒนาขึ้นเยอะอย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยในการพัฒนางานต่างๆ

ช่วยผู้คนมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะในการรับรู้เรื่องราวต่างๆ ศิลปะคือการรับรู้หรือการระบายอารมณ์การผ่อนคลายต่างๆในยุคปัจจุบันจะมีการศึกษามากมายเกิดขึ้นมาไม่ซ้ำแบบกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่งานศิลปะต่างๆถูกเปิดกว้างค่อนข้างเยอะ ให้ผู้คนต่างๆสามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆได้หรือแม้แต่จะเป็นการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนางานได้ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สมัคร Sagame ฟรี