หมวดหมู่: ประวัติและตำนาน

สหภาพโซเวียต ประเทศพังมากว่า70ปี ไม่สามารถกู้คืนเศรษฐกิจได้

สหภาพโซเวียต ประเทศพังมากว่า70ปี ซึ่งในปี1985 เมื่อสหภาพโซเวียตมีผู้นคนใหม่และจะเป็นคนสุดท้ายก็คือ กอร์ บาชอฟ  โดยกอร์ บาชอฟถือว่าเป็นผู้นำคนแรกของสหภาพโซเวียตเลยที่เกิดมาในสหภาพโซเวียตแล้ว

ก็เติบโตมาในสหภาพโซเวียต ในขณะที่ผู้นำนก่อนๆเกิดตั้งแต่สมัย Russian Empire หรือว่าจักรวรรดิรัสเซีย

เขาได้ปฏิเสธวิธีคิดแบบเดิมๆและก็โละนู่นนี่กันไปหมดโดยเห็นได้จากชัดๆที่สุดเลยคือนโยบายของเขาทั้งหมด2ข้อด้วยกันก็คือGlasnost กับ Perestroika  ซึ่งGlasnostก็คือนโยบายเปิดกว้างทางการเมืองมากขึ้นคือเขาบอกว่าทุกคนสามารถมีเสรีภาพทางการเมืองได้มากขึ้นสามารถวิจาร์ณการเมืองได้

นักหนังสือพิมพ์สื่ออะไรต่างๆจะเขียนการเมืองเขียนได้ไม่โดนจับเข้าค่ายเหมือนแต่ก่อนแล้วอยากด่ารัฐบาลเหรอด่าไปนักโทษทางการเมืองที่ติดอยู่ในค่ายกักกันปล่อยบ้าง ส่วน Perestroikaก็คือการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากเดิมที่แบบมาร์กซิสต์จ๋าๆทุกอย่างนารวมก็เริ่มให้เอกชนสามารถมีธุรกิจของตัวเองได้บ้างคนงานถ้าสมมุติว่าจะหยุดงานประท้วงก็หยุดงานประท้วงได้แล้วกันไม่ต้องโดนจับเข้าค่ายกักกัน

นอกจากนี้ที่สำคัญก็มีการเปิดให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนในสหภาพโซเวียตด้วยและนโยบายอีกอย่างหนึ่งของเขาที่สำคัญมากๆเลยก็คือว่าเขาเลิกเล่นเกมสงครามเย็นกับสหรัฐอเมริกาดีกว่าเราหันมาสนใจประเทศตนเองดีกว่า เห็นได้ชัดมากๆเลยจากในปี1989 ที่เขามีการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน

ประมาณว่าเลิกเล่นเกมสงครามล่ะกลับมาดูแลประเทศตนเองถึงทุกอย่างตอนนี้จะฟังดูดีแต่ว่าสหภาพโซเวียตมันเละมา70ปีจะมาแก้ภายในปีห้าปี

ให้มันแบบว่าฟื้นกลับมาดีมันก็ไม่ทันสุดท้ายแผนกู้เศรษฐกิจก็ไม่เวิร์กไม่สามารถใช้ได้จริงพวกนิสัยการทำงานระบบราชการอะไรต่างๆที่โกงก็ไม่สามารถรื้อได้คือแบบว่ามีลับลมคมในชอบปิดข่าวสารอะไรต่างๆมันไม่ได้สามารถแก้ได้ชั่วข้ามคืนไง

เพราะฉะนั้นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดมากของความเรื้อรังนี้ก็คือเหตุการณ์เชอร์โนบิลซึ่งเหตุการณ์ณืเกิดขึ้นในปี1986 พอมันเกิดเหตุการณ์ขึ้นแทนที่จะมีการจัดการแบบโปร่งใสอะไรต่างๆก็มีการปิดข่าวก็ทำให้เหตุการณ์มันรุนแรงกว่าเดิมแบบหลายเท่าเลยทีเดียวสุดท้ายคนไม่พอใจอยู่แล้ว

เมื่อได้เสรีภาพในการพูดเข้าไปแถมที่สำคัญยังได้เห็นโลกภายนอกด้วยว่าโลกภายนอกเขาไปถึงไหนกันแล้วเขาดีกว่าเราต้องงเยอะและจะอยู่ทำไมเทสิดังนั้นมันก็เลยเกิดการประท้วงผุดขึ้นมากันเป็นดอกกเห็ดเลยกันเลยทีเดียวโดยเฉพาะในปี1986-1989ในช่วงเวลานั้นกระจุยกระจายกันเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย  ufabet ฝาก-ถอน เอง

ประวัติปราสาทตาพรหม ประเทศกัมพูชา 

ประวัติปราสาทตาพรหม สำหรับประวัติความเป็นมาที่เราจะพูดถึงการในครั้งนี้เป็นประวัติความเป็นมาของปราสาทตาพรหม

ซึ่งได้รับว่าเป็นประสาทที่มีความเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของประเทศกัมพูชาด้วยที่นี่มีการสร้างเอาไว้ทางทิศตะวันออกห่างจากครูเมืองพระนครไปประมาณ 1 กิโลเมตรว่ากันว่าเป็นประสาทที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงอนาจักรจังหวัดเขมรตัวประสาทนั้นถูกสร้างมาจากหิน  

          ปัจจุบันปราสาทตาพรหมแห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นสถานที่สำหรับใช้ในการศึกษาหาความรู้เนื่องจากว่าปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาช่วงปลายศตวรรษที่ 12 ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 13 ที่นี่นับได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญเกี่ยวข้องกับทางศาสนาพุทธ โดยเป็นศาสนาพุทธนิกายมหายาน 

           สำหรับการก่อสร้างปราสาทตาพรหมว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงประมาณปีพุทธศักราช 1729 ซึ่งเป็นการสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยระบุว่าปราสาทตาพรหมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเนื่องจากว่าต้องการให้ปราสาทตาพรหมแห่งนี้เป็นวิหารหลวงในการจัดกิจกรรมต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับทางด้านพระพุทธศาสนา 

           สำหรับปราสาทตาพรหม แห่งนี้ว่ากันว่าเพิ่งได้รับการบูรณะและได้รับความสนใจจากรัฐบาล ในยุคศตวรรษที่ 21

เพราะก่อนหน้านี้หลังจากที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สิ้นพระชนม์ และสิ้นสุดจักรวรรดิเขมร ปรากฏว่าก็ไม่มีใครให้ความสนใจกับปราสาทตาพรหมแห่งนี้ซึ่งในยุคดังกล่าวนั้นจะเป็นช่วงศตวรรษที่ 15  ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่ถูกปล่อยให้รกร้างมีต้นไม้ที่ปกคลุมเต็มไปหมดแล้วกว่าจะมีคนให้ความสนใจและกลับมาบูรณะใหม่นั้นก็ผ่านไปหลายทศวรรษเลยทีเดียว 

           สำหรับการเข้ามาดูแลบูรณะซ่อมแซมปราสาทตาพรหมขึ้นมาใหม่    ufabet    นั้นจะเป็นทางหน่วยงานสำนักงานของประเทศฝรั่งเศส ได้ร่วมมือกันกับหน่วยงานโบราณคดีอินเดียและหน่วยงานโบราณคดีในพื้นที่ช่วยเหลือในการบูรณะปราสาทตาพรหมในช่วงประมาณปีค.ศ. 2013 

สำหรับการบูรณะซ่อมแซมนั้นมีการดูแลตั้งแต่พื้นทางเดินรวมถึงตัวปราสาทและต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นต้นไม้เก่าแก่โดยจะสังเกตเห็นได้ว่ารากต้นไม้บังต้นนั้นมีการเลื้อยพันขึ้นคร่อมตัวประสาทเลยทีเดียว    ดังนั้นการเข้ามาบูรณะก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามของปราสาทตาพรหมได้รับอันตรายจากการเดินเที่ยวภายในพื้นที่บริเวณปราสาทตาพรหมนั่นเอง 

          สำหรับบรรยากาศโดยรวมภายในอาณาเขตพื้นที่ของปราสาทตาพรหมนั้นจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นจะมีต้นไม้ปกคลุมซึ่งส่วนใหญ่ต้นไม้ที่ขึ้นจะมีทั้งต้นสมพงยักษ์หรือที่ชาวกัมพูชาเรียกกันว่าต้นปะวง    นอกจากนี้ยังมีต้นมอสที่ขึ้นโครงตัวประสาทเอาไว้และบริเวณพื้นที่สภาพอากาศโดยรอบของตัวปราสาทตาพรหมนั้นเป็นลักษณะของป่าดิบชื้นตัวประสาทนั้นมีจุดเด่นที่สำคัญก็คือเป็นประสาทหินที่นี่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นตัวประสาทหรือต้นไม้จึงมีชื่อเสียงเรื่องของความสวยงามและความเก่าแก่โบราณ

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 

         วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม   วัดที่มีความเก่าแก่และมีความงดงามซึ่งสร้างอยู่บนถนนเฟื่องนครอยู่ในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานครเป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นมาประจำพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นวัดประจำของรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7

โดยวัดแห่งนี้นั้นมีชื่อเสียงเรื่องของความสวยงามเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างไทยและยุโรปเป็นสถานที่ที่ดึงดูดผู้คนให้เดินทางไปชมความงดงาม ของศาสนสถานซึ่งวัดแห่งนี้ก็คือวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามหรือถ้าหากว่าคนกรุงเทพฯหรือคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีในนามของวัดราชบพิธนั่นเอง 

          สำหรับวัดแห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งในสมัยนั้นพระองค์นั้นต้องการที่จะสร้างวัดประจำรัชกาลของพระองค์เองและอยากจะได้วัดที่มีการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและยุโรปเพื่อให้เกิดความสวยงามและมีความแตกต่างดังนั้นพระองค์จึงได้มีการสั่งให้มีการสร้างวัดราชบพิธนี้ขึ้นมาซึ่งจะเห็นได้ว่าสถานส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์หรือวิหารนั้นจะมีความสวยงามโดดเด่นแตกต่างจากวัดอื่นๆ

ในเขตกรุงเทพฯอย่างเช่นบริเวณโบสถ์จะมีการออกแบบตกแต่งถ้าเป็นด้านนอกนั้นก็จะเป็นสถาปัตยกรรมของไทยแต่ถ้าเกิดเดินเข้าไปภายในโบสถ์นั้นจะเห็นได้ว่าลักษณะของการตกแต่งด้านในนั้นจะเป็นแบบตะวันตกซึ่งถือได้ว่าแตกต่างจากวัดอื่นๆหรือโบสถ์จากวัดอื่นๆเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

            นอกจากนี้ยังมีวิหารรวมถึงเจดีย์และระเบียงแก้วที่มีลักษณะของการออกแบบสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามลงตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการลงลายไทยลงรักประดับมุกที่วิจิตรงดงามเป็นอย่างมาก

ซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่มีโอกาสได้เดินทางไปที่วัดราชบพิธแห่งนี้จะต้องรู้สึกประทับใจกับความงดงามของโบสถ์วิหารต่างๆภายในวัดอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตามถ้าหากไปเห็นจะมีสถาปัตยกรรมบางส่วนที่มีการตกแต่งด้วยลวดลายคล้ายกับกระเบื้องเคลือบเบญจรงค์นอกจากนี้สิ่งก่อสร้างภายในวัดราชบพิธแห่งนี้ยังมีการสร้างขึ้นตามแบบแผนประเพณีนิยมที่ทำกันมาตั้งแต่ในยุคการก่อนหรืออาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่ยุคโบราณอาการนั่นเองอย่างเช่นพระเจดีย์ประดับกระเบื้องเคลือบทรงระฆังเป็นต้น 

           สำหรับด้านในภายในวัดนอกจากจะมีศาสนสถานที่มีการสร้างเอาไว้อย่างสวยงามลงตัวแล้วยังมีการนำต้นไม้มาปลูกประดับตกแต่งเอาไว้เพื่อให้ร่มเงาให้ความร่มเย็นร่มรื่นเหมาะอย่างยิ่งในการที่จะมาทำบุญวิปัสสนากรรมฐาน   อย่างไรก็ตามการเดินทางมาที่วัดแห่งนี้นั้นเดินทางมาได้อย่างสะดวกเพราะว่ามีรถหลายสายวิ่งผ่านและถ้าหากว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางด้วยขับรถมาเองนั้นก็สามารถที่จะจอดรถอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดซึ่งจะมีการเสียค่าจอดรถทั้งวันแค่เพียง 40 บาทเท่านั้นหรือว่านักท่องเที่ยวจะมาด้วยรถสาธารณะเช่นแท็กซี่หรือตุ๊กๆก็ได้เช่นเดียวกัน 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet

ประเพณีที่จัดงานในช่วงวันออกพรรษาของจังหวัดในเขตภาคเหนือ 

          สำหรับวันออกพรรษานั้นเป็นวันที่มีความสำคัญเกี่ยวพันกับทางด้านพระพุทธศาสนาซึ่งในวันดังกล่าวนั้นผู้คนเป็นจำนวนมากก็จะพากันไปทำบุญไหว้พระเพื่อส่งเสริมบารมีให้กับตนเอง

    ประเพณีที่จัดงานในช่วงวันออกพรรษา โดยเทศกาลวันออกพรรษานั้นเป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีเนื่องจากว่าเป็นวันที่ทางพระสงฆ์ได้มีการสิ้นสุดการจำพรรษาอยู่ที่วัดซึ่งโดยปกติแล้วในช่วงจำพรรษานั้นพระสงฆ์จะต้องจำพรรษาอยู่วัดเป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือนดังนั้นหลังจากสิ้นสุดของการจำพรรษาแล้วจึงได้มีการจัดเทศกาลวันออกพรรษาขึ้นมา 

           อย่างไรก็ตามในช่วงวันเทศกาลวันออกพรรษานั้นนอกจากจะมีการทำบุญไหว้พระแล้วบ้างจังหวัดยังมีประเพณีต่างๆเกิดขึ้นซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำจังหวัดในเขตภาคเหนือประมาณ 2 จังหวัดด้วยกันที่มีการจัดประเพณีตรงกับช่วงวันออกพรรษาโดยจังหวัดที่เราจะแนะนำก็คือจังหวัดลำพูนกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั่นเองมาดูกันว่าสองจังหวัดนี้มีประเพณีอะไรที่น่าสนใจและน่าไปเที่ยวบ้าง 

        สำหรับที่จังหวัดลำพูนนั้นจะมีการจัดประเพณีเป็นประจำทุกปีซึ่งประเพณีดังกล่าวมีชื่อว่าสลากย้อมเมืองลำพูนโดยประเพณีนี้จะมีการจัดขึ้นในช่วงใกล้วันออกพรรษาโดยจะมีการจัดขึ้นที่วัดพระธาตุหิริภุญชัยวรมหาวิหารซึ่งวัดดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นวัดดังและเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูนเลยก็ว่าได้โดยการจัดงานนั้นจะมีการประกวดสลากย้อม

          นอกจากนี้ยังมีการแห่ต้นสลากย้อมไปบนถนนต่างๆเรียกได้ว่าเป็นการจัดขบวนซึ่งจะมีตั้งแต่ถนนอินทยงยศไปจนถึงวัดพระธาตุหิริภุญชัยเลยทีเดียว    อย่างไรก็ตามในงานประเพณีสลากย้อมนั้นจะมีการประกวดต้นสลากย้อมซึ่งจะมีการกำหนดเงื่อนไขว่าจะมีต้นที่สูงได้ไม่เกิน 15 เมตรและไม่ต่ำกว่า 12 เมตรและต้องมีการออกแบบให้เกิดความสวยงาม

        โดยประเพณีนี้มีความเชื่อว่าหากมีการสร้างสำหรับย้อมทำให้เกิดความวิจิตรบรรจงและมีความงดงามก็จะทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเนื่องจากว่าต้นสลากย้อมนั้นมีความเกี่ยวพัน  สล็อต ufabet เว็บตรง    ทางเรื่องของศาสนาพุทธด้วยเช่นเดียวกันโดยหลังจากที่มีการประกวดเสร็จเรียบร้อยแล้วชาวบ้านก็จะมีการนำต้นสลากย้อมถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ 

           สำหรับที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้นจะมีการจัดพิธีออกว่าซึ่งวิธีนี้ก็มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเช่นเดียวกันซึ่งส่วนใหญ่ประเพณีนี้ก็จะมีการเชิญพระสงฆ์และสามเณรมากถึง 200 รูปมาให้ชาวบ้านได้มีการตักบาตรโดยประสงค์ก็จะยืนอยู่ตามถนนหนทางต่างๆนอกจากนี้ก็ยังมีการจัดกิจกรรมถนนคนเดินและมีของมาวางขายมีการแสดงต่างๆเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดดังนั้นหากใครที่ชื่นชอบงานรื่นเริงก็ไม่ควรที่จะพลาดแวะไปร่วมกิจกรรมประเพณีออกหว่าที่แม่ฮ่องสอนกัน 

สถาปนาประถมจักรพรรดิราชวงศ์หมิง

ในปีคริสต์ศักราช1355หลิวฟูตงได้ยึดเมืองได้จึงได้ทำการสถาปนาหันหลินเอ๋ยขึ้นเป็นเสี้ยนหมิงหวางในปีเดียวกันนั้นซุนตี้จักรพรรดิมองโกลก็ได้อาศัยความร่วมมือจากชาวฮั่นที่ร่ำรวยทั้งหลายโดยประกาศว่าใครก็ตามที่สามารถระดมกำลังคนเพื่อปราบกบฏได้ถึง5,000คนจะแต่งตั้งให้เป็นหวานฟู

แต่ถ้ามีกำลังถึง1,000คนหรือ100คนให้มียศเป็นเฉียนฮูและตามลำดับก่อกำลังปราบบกบฏดังกล่าวของเจ้าที่ดินมีขุนนางมองโกลกับชาวฮั่นจากเหอหนานเช่นกันเปป็นผู้ก่อตั้งขึ้นปีคริสต์ศักราช1357ก่อกำลังของหลิวฟูตงได้บุกขึ้นเหนือโดยแยกเป็น3เส้นทางด้วยกัน

เส้นทางหนึ่งบุกไปทางตะวันออกเข้าเหอเป่ยโจมตีต้าตูต่อไปเส้นทางสายกลางบุกไครฝิงและเข้ายึดเลี้ยวหยางเส้นทางตะวันตกยกเข้ายึดเสฉวนหหลิวฟูตงนำก่อทัพเข้ายึดไครฟงเมืองเก่าของราชวงศ์ซ่งเหนือในปีคริสตศักราช1358ช่วงนี้เป็นช่วงที่ก่อทัพโพกผ้าแดงมีความเข้มแข็งเต็มที่

สถาปนาประถมจักรพรรดิราชวงศ์หมิง หลังจากที่รบชนะมองโกลแล้วก็เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างผู้นำแล้วยังประเมิลกำลังรบของมองโกลต่ำกว่าความเป็นจริงมากในที่สุดเมื่อมองโกลตั้งหลักได้สามารถระดมกำลังขึ้นมาใหม่จนสามารถกอบกู้ชัยชนะได้สำเร็จถึงปีคริสต์ศักราช1362กองทัพของหลิวฟู่ตงที่บุกขึ้นเหนือถึง3ทางต้องพ่ายแพ้

กำลังรบของหลิวฟูตงที่ตั้งมั่นที่ไครฟงได้ถูกกองทัพมองโกลได้ถูกล้อมจนแตกทัพหลิวฟูตงเสียชีวิตระหว่างการสู้รบในปีคริสต์ศักราช1362พอดีมีกำลังทหารของจูเหยินจางผู้นำกบฏอีกทัพหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างพิชิตขุนศึกปรปักษ์คนสำคัญที่จูเหยินจางส่งมารับและได้คุ้มครองเซี่ยหมิงหวาง

จนเสี่ยหมิงหวางรอดชีวิตไปเป็นประมุกโดยพระนามกษัตริย์ราชวงศ์ซ่งในฐานะผู้นำการต่อต้านมองโกลเจอเหยินจางผู้นำกบฏนี้เป็นนักการเมืองแล้วเป็นการทหาที่มีสติปัญญาความสามารถเหนือกว่าผู้นำกบฏทั้งหลายที่ต่อต้านมองโกลในยุคนั้นทั้งๆที่งตั้งต้นชีวิตมาด้วยความต่ำต้อยและยากจนที่สุด

แต่ก็สามารถนำทัพใหญ่ขับไล่มองโกลออกไปจากแผ่นดินจีนสถาปนาตนเองเป็นประถมจักรพรรดิราชวงศ์หมิงปกครองอาณาจักรสืบต่อไปจนถึงร่วม300ปีช่วงปีคริสต์ศักราช1355 หว่อ เจอชิงได้ตายลงอย่างกระทันหันบุตรก็ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำแทนซึ่งก็คือจุหยวนจางหว่อ เจอชิงเป็นผู้ที่มีในตาหลากแหลม

แม้ว่าจูหยวนจางจะมีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์หว่อ เจอชิงก็เต็มใจยกหยิงสาวที่เป็นบุตรเลี้ยงของตนให้ไปเป็นภรรยาจูหยวนจางผู้มีสติปัญยาความสามารถแต่ในขณะนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าบุคคลนี้จะมีสิตปัญญาเพียงใด

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เว็บพนัน ufabet

ประวัติความเป็นมาของวัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย 

        ประวัติความเป็นมาของวัดร่องขุ่น สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาของวัดร่องขุ่นซึ่งวัดแห่งนี้เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากอยู่ในตอนนี้ 

สำหรับวัดร่องขุ่นในขณะนี้นับได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวสร้างรายได้ให้กับชาวจังหวัดเชียงรายได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

    อย่างไรก็ตามวัดร่องขุนนั้นเป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาไม่ยาวนานมากนักเนื่องจากว่าเป็นวัดที่เพิ่งสร้างมาประมาณเพียงแค่ 20 กว่าปีเท่านั้นแต่วัดแห่งนี้นั้นก็สามารถที่จะดึงดูดให้ผู้คนเดินทางไปเยี่ยมชมความสวยงามได้ด้วยประวัติความเป็นมาในการสร้างวัดร่องขุ่นนั้นถูกสร้างขึ้นมาในช่วงประมาณ ปี พ.ศ. 2540   

         สำหรับผู้ที่ลงทุนก่อสร้างออกค่าใช้จ่ายรวมถึงหาสถานที่ในการสร้างวัดร่องขุ่นแห่งนี้ก็คืออาจารย์เฉลิมชัยโฆษิตพิพัฒน์ซึ่งอาจารย์ท่านนี้เป็นคนทั้งก่อสร้างเองและออกแบบวัดเองและมาก่อสร้างวัดแห่งนี้เอาไว้ที่ตำบลป่าอ้อดอนชัยซึ่งตำบลนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 12  กิโลเมตรเพียงเท่านั้น  

        สำหรับแนวความคิดในการก่อสร้างวัดร่องขุ่นขึ้นมานั้นอาจารย์เฉลิมชัยต้องการใช้การสร้างวัดแห่งนี้เป็นงานพุทธศิลป์ซึ่งต้องมีความโดดเด่น

และมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองและตั้งใจที่จะสร้างขึ้นมาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาโดยวัดแห่งนี้นั้นถือได้ว่าเป็นวัดที่ถวายให้กับแผ่นดินหรือถวายให้กับประเทศไทยนั้นเองเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก

         เนื่องจากว่าอาจารย์เฉลิมชัยนั้นต้องการสร้างถวายวัดร่องขุ่นแห่งนี้ให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 ซึ่งหลังจากที่ก่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาแล้วก็ได้รับความชื่นชมเป็นอย่างมากว่าวัดแห่งนี้มีความงดงามโดยชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวที่ประเทศไทยก็รู้จักชื่อเสียงของวัดร่องขุ่นกันเป็นอย่างดีซึ่งชาวต่างชาตินั้นตั้งชื่อวัดร่องขุ่นนี้ว่า White temple 

          สำหรับเหตุผลที่ชาวต่างชาติเรียกว่าวัดร่องขุ่น White Temple หรือแม้แต่คนไทยเองก็เรียกวัดแห่งนี้ว่าวัดขาวนั่นก็เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ประดับตกแต่งอยู่ภายในวัดร่องขุ่นนั้นล้วนเป็นสีขาวทั้งหมดแม้แต่กระจกที่ใช้ประดับประดาให้เกิดความสวยงามสะท้อนกับแสงของพระอาทิตย์หรือแสงไฟนั้นก็ทำมาจากกระจกสีเงิน

          สำหรับแนวความคิดของอาจารย์เฉลิมชัยในการสร้างวัดร่องขุ่นด้วยการสร้างให้เป็นสีขาวทั้งหมดนั้นเพราะอาจารย์เฉลิมชัยมองว่าสีขาวนั้นเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ผุดผ่องและวัดร่องขุ่นก็เป็นตัวแทนทางด้านพระพุทธศาสนาดังนั้นสีขาวจึงเปรียบเหมือนกับพระพุทธเจ้าที่มีความบริสุทธิ์ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นโบสถ์วิหารหรือสิ่งก่อสร้างภายในวัดร่องขุ่นจึงถูกนิมิตขึ้นมาให้เหมือนกับสรวงสวรรค์และมีความสวยงามเปล่งประกายให้ผู้คนได้ชมกัน

 

สนับสนุนโดย    สล็อตยูฟ่าเว็บตรง

กวีนิพนธ์ของฮาร์เปอร์มีอิทธิพลทั้งในรูปแบบโคลงสั้นๆ

เป็นการต่อยอดจากวรรณคดีแอฟริกันอเมริกันตั้งแต่สมัยก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณกรรมของแลงสตัน ฮิวจ์สและราล์ฟ เอลลิสันที่กล่าวถึงข้างต้น

ตามที่สรุปโดย Borshuk “กวีนิพนธ์ของฮาร์เปอร์หลอมรวมการพัฒนาสัญญาณของบรรพบุรุษของเขา การบรรยายประวัติศาสตร์แบบโต้ตอบของเอลลิสัน การเล่นโวหารของฮิวจ์ส – และให้เหตุผลว่าดนตรีแจ๊สเป็นสถานที่สำคัญในวัฒนธรรมอเมริกัน” ดนตรีแจ๊สแนวขนานอีกประการหนึ่งปรากฏขึ้นที่นี่ ที่ยืมมาจากชุดเครื่องมือของนักเขียนที่มีอายุมากกว่านั้นชวนให้นึกถึงนักดนตรีแจ๊สที่นำคุณสมบัติโวหารของพวกเขามาใช้กับดนตรีรุ่นก่อน

การเขียนแจ๊สสมัยใหม่ยังคงมีอิทธิพลต่อ แม้ว่าการปรากฏตัวของแจ๊สในแนวดนตรีสมัยใหม่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งทุกวันนี้ยังมีนักเขียนผิวดำที่ยังคงรวมดนตรีแจ๊สเข้ากับงานวรรณกรรม ผู้ชนะรางวัลพูลิตเซอร์ Yusef Komunyakaa เป็นที่รู้จักจากบทกวีแจ๊สดั้งเดิมและผลงานของเขาใน The Jazz Poetry Anthology (1991)

และ The Second Set The Jazz Poetry Anthology (1996) ถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในการเขียนแจ๊สสมัยใหม่ นักดนตรีแจ๊สมากมายที่อ้างอิงในงานของเขา

ตั้งแต่ Charles Mingus ใน Copacetic ไปจนถึง Mary Lou Williams ใน “My Father’s Love Letters” (Magic City) และ Duke Ellington ใน “Twilight Seduction” (The Second Set) แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ยืนยาวของตัวเลขเหล่านี้ในประวัติศาสตร์อเมริกา แม้ว่าดนตรีแจ๊สจะได้รับความนิยมลดลงจากช่วงทศวรรษ 1980 จนถึงปัจจุบัน

ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีแจ๊สและวรรณคดีแอฟริกันอเมริกันไม่คงที่ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา แต่ตัวอย่างปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับดนตรีแจ๊สที่มีต่อบรรยากาศทางวัฒนธรรมและภูมิทัศน์ทางสังคม ทั้งในอดีตและ ปัจจุบัน. การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีแจ๊สหลังเสียงบี๊บกับวรรณคดีแอฟริกันอเมริกัน และการเปรียบเทียบระหว่างรูปแบบศิลปะที่แตกต่างกันโดยพื้นฐานสองรูปแบบ

จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ที่มากกว่าลักษณะผิวเผินของแต่ละรายการเพื่อระบุความคล้ายคลึงกันในวงกว้าง

แม้ว่าบริบททางประวัติศาสตร์และความนิยมของดนตรีแจ๊สจะมีวิวัฒนาการตลอดสี่ช่วงเวลาที่สำรวจข้างต้น งานวรรณกรรมที่อ้างอิงถึงดนตรีแจ๊สในลักษณะเดียวกัน: ไม่ว่าจะอธิบายโดยตรงหรืออ้างอิง หรือผสมผสานคุณสมบัติเข้ากับโครงสร้างหรือรูปแบบการเขียน ทั้งสองวิธีมีผลกระทบอย่างเท่าเทียมกันในการเขียน ให้เครดิตผู้แต่งมากพอๆ กับที่ดนตรีแจ๊สเป็นหัวข้อที่มีพลังในการเขียน

การวิเคราะห์ดนตรีแจ๊สผ่านเลนส์ของดนตรีแอฟริกันอเมริกันช่วยให้เข้าใจบริบททางวัฒนธรรมที่ล้อมรอบศิลปะในชุมชนแอฟริกันอเมริกันในศตวรรษที่ 20 ได้ดียิ่งขึ้น การวิเคราะห์ดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดความซาบซึ้งว่าดนตรีแจ๊สที่เปลี่ยนแปลงโดยพื้นฐานได้เข้ามามีบทบาทในการกำหนดแง่มุมของวัฒนธรรมอเมริกันอย่างไร การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีแจ๊สและทัศนศิลป์น่าจะเผยให้เห็นผลงานที่เชื่อมโยงกันเช่นเดียวกัน

เนื่องจากสื่อศิลปะส่วนใหญ่มีความสามารถในการแสดงแนวคิดหรืออารมณ์ที่กระตุ้นอารมณ์ แม้ว่าแจ๊สจะไม่ใช่เพลงยอดนิยมกระแสหลักในอเมริกาในปัจจุบัน แต่การแสดงที่ยืนยงในวรรณคดีแอฟริกันอเมริกันเป็นการแสดงให้เห็นโดยตรงถึงคุณภาพที่เหนือกาลเวลาและความสำคัญทางวัฒนธรรมมากมาย

 

สนับสนุนโดย  ufabet

มรดกเกาะแห่งชีวิตของ Betsy Wyeth

เบ็ตซี่รับประกันว่าแอนดรูว์สามารถทำงานได้โดยปราศจากความฟุ้งซ่านด้วยการซื้อเกาะส่วนตัวสามเกาะในอ่าวเมนเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย บนเกาะอันขรุขระนอกชายฝั่งของรัฐเมน Betsy Wyeth (1921-2020)

ได้สร้างโลกที่หล่อเลี้ยงพรสวรรค์ของสามีของเธอ แอนดรูว์ ไวเอธ จิตรกรสัจนิยมชาวอเมริกัน (พ.ศ. 2460-2552) และเจมี่ ลูกชายของศิลปิน (เกิด พ.ศ. 2489) 

แอนดรูว์ได้เห็นภาพอารมณ์และผลกระทบทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งของสถานที่ที่ Betsy จัดเตรียมไว้สำหรับพวกเขา เจมี่ซึ่งได้ประโยชน์จากการจัดวางของเธอยังพูดได้อีกครั้งหนึ่งว่า เธอน่าจะเซ็นชื่อในภาพวาดของเขาด้วย คุณแทบจะสัมผัสได้ถึงลมทะเลเค็มและสัมผัสทัศนียภาพที่ลมพัดผ่านในผลงานที่ทั้งพ่อและลูกชายวาดภาพไว้

แต่ละคนมีสไตล์เฉพาะตัว โฉบอยู่ระหว่างเหนือจริงและโลกภายในของสิ่งที่มองไม่เห็น ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบและรอบคอบ Betsy ได้ฝังมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมของ Wyeth ไว้ในโครงสร้างของชุมชนการศึกษาที่อยู่รอบ ๆ สองแห่งที่ได้รับผลกระทบจาก Wyeths มากที่สุด ได้แก่ Chadds Ford, Pennsylvania

และ Cushing, Maine ในขณะที่เธอพอใจที่จะอยู่ห่างจากสปอตไลท์ในช่วงชีวิตแต่งงานเจ็ดทศวรรษของเธอ การเสียชีวิตของเธอเมื่ออายุ 98 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2020 ได้เปิดเผยขอบเขตของบทบาทของเธอในการผลิตงานศิลปะของครอบครัวและในโลกศิลปะที่ ใหญ่

เบ็ตซี่มั่นใจในตัวเองถึงขนาดที่ว่าความเข้มแข็งของความเชื่อมั่นของเธอในบางครั้งทำให้ความสัมพันธ์ที่เธอมีกับพ่อตาของเธอ NC Wyeth (1882-1945) ตึงเครียด นักวาดภาพประกอบที่มีชื่อเสียงยังวาดภาพบนเกาะนอกชายฝั่งเมน ถึงกระนั้น เธอก็ได้ทุ่มเทเวลาและพลังงานไปมากมายเพื่อรักษาความทรงจำของเขา หนังสือของเธอในปี 1970 ชื่อ The Wyeths The Letters of N. C. Wyeth, 1901-1945 นำไปสู่การประเมินมรดกทางศิลปะของ N.C. อีกครั้ง

แอนดรูว์และเบ็ตซี่พบกันในวันเกิดอายุสิบเจ็ดของเธอในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2482

เขาอายุยี่สิบสองปี ความงามที่มีผมสีเข้มของเธอดึงดูดใจศิลปิน และเธอก็กลายเป็นคนสนิท หุ้นส่วนทางธุรกิจ และรำพึงรำพันของเขา แม้ว่าความรักที่พวกเขาแบ่งปันจะยิ่งใหญ่และการแต่งงานของพวกเขาก็ยืนยาวตลอดชีวิต แต่ทั้งสองก็มีบุคลิกที่แข็งแกร่ง

แอนดรูว์ชอบอยู่เป็นกลุ่มในขณะที่เบ็ตซี่เป็นคนส่วนตัวที่ไม่ชอบอยู่ท่ามกลางฝูงชน แนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตบนเกาะซึ่งคุณสามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ว่าคุณพบใครนั้นดึงดูดใจเธอ ในฐานะนายแบบที่เต็มใจและผู้จัดการที่ไม่ย่อท้อในอาชีพการงานของแอนดรูว์ เบ็ตซี่รับประกันว่าแอนดรูว์สามารถทำงานได้โดยไม่วอกแวกด้วยการซื้อเกาะส่วนตัวสามเกาะในอ่าวเมนเพื่อสร้างที่พักอาศัย แม้ว่าแอนดรูว์จะต่อต้านในขั้นต้น แต่ท้ายที่สุดแล้วแอนดรูว์ก็วาดภาพผลงานที่โดดเด่นที่สุดบางส่วนของเขาบนเกาะเหล่านี้

การซื้อครั้งแรกของเธอเกิดขึ้นในปี 1978 ซึ่งเป็นเกาะทางใต้ที่ซึ่งเจมี ลูกชายศิลปินของเธอยังมีชีวิตอยู่และวาดภาพ โอกาสในการซื้อเกาะอัลเลนเกิดขึ้นในปี 2522 และในปี 2533 เธอได้ซื้อเกาะเบนเนอร์ รวมกันเป็นพื้นที่กว่า 500 เอเคอร์

ทำหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ Betsy ได้สร้างแบบจำลองสำหรับการอนุรักษ์ ยอมรับการปรากฏตัวของ Abenaki พื้นเมืองและสนับสนุนการอนุรักษ์พื้นที่ริมน้ำที่ใช้งานได้ของ Maine เธอสร้างสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นและเป็นธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา แต่วิสัยทัศน์ของเธอไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพัง

 

สนับสนุนโดย.  สล็อตpgใหม่ล่าสุด

ประวัติวัดหลวงขุนวิน วัดสวย กลางป่า จังหวัดเชียงใหม่

         ประวัติวัดหลวงขุนวิน สำหรับความเป็นมาของวัดหลวงขุนวินซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่โบราณ  แห่งหนึ่งประจำจังหวัดเชียงใหม่วัดแห่งนี้นั้นว่ากันว่าในสมัยอดีตกาล พระพุทธองค์ก็เคยเดินทางมายังวัดแห่งนี้  ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีของการก่อสร้างวัดแห่งนี้นั้นเกิดขึ้นจาก ชาวลัวะจำนวน 2 คนด้วยกันคนนึงชื่อขุนสะเมิงส่วนอีกคนหนึ่งชื่อขุนสาบ  

          เนื่องจากว่าทั้งสองคนมีความคิดอยากจะสร้างวัดขึ้นมาจึงได้ตัดสินใจเดินทางไปหาพระพุทธองค์หลังจากนั้นก็ได้มีการร้องขอพระเกศาธาตุของพระพุทธองค์ซึ่งพระพุทธองค์นั้นก็ได้มีการให้พระเกศาธาตุแก่ขุนสะเมิงและขุนสาบหลังจากที่ทั้งสองคนได้พระเกศาธาตุมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก็นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดแห่งนี้หลังจากนั้นก็ได้มีการสร้างเจดีย์ขึ้นมาเป็นเจดีย์ที่เตี้ยๆเอาไว้ครอบที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธองค์นั่นเอง ซึ่งเจดีย์ที่มีการสร้างขึ้นมานี้มีชื่อเรียกว่าพระธาตุม่อนเปี๊ยะ 

          อย่างไรก็ตามหลังจากที่วัดหลวงขุนวินได้มีการสร้างเสร็จแล้วและมีการสร้างเจดีย์เพื่อใช้ในการครอบพระเกศาธาตุของพระพุทธองค์แล้วต่อมาพระพุทธองค์ก็ได้เดินทางมาที่วัดหลวงขุนวินอีกครั้งหนึ่งซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้พระพุทธองค์ได้มีการประทับรอยพระบาทเอาไว้บนก้อนหินด้วย

แต่เนื่องจากว่าก้อนหินนั้นมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนักทำให้รอยประทับฝ่าพระบาทของพระพุทธองค์นั้นเห็นเพียงแค่ บางส่วนซึ่งจะไม่เห็นบริเวณนิ้วและส้นพระบาทของพระพุทธองค์ 

         อย่างไรก็ตามตามหลักฐานทางโบราณคดีการเล่าว่าการที่ก้อนหินที่พระพุทธองค์ได้มีการฝากรอยพระบาทเอาไว้มีรอยที่แหว่งขาดหายไปนั้นภาษาท้องถิ่นเรียกชื่อว่า หวิดไป ซึ่งแปลว่าหายไป 

ดังนั้นชาวบ้านจึงได้มีการเรียกเมืองนี้ว่าเมือง หวิดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานั้นเองอย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการพูดชื่อเมืองหวิดมาเป็นระยะเวลานานก็ได้มีการเพี้ยนมาเป็นเมืองวินในปัจจุบัน 

          ตามข้อมูลหลักฐานทางโบราณระบุว่า  หลังจากสิ้นขุนสะเมิงและขุนสาบแล้ว  วัดแห่งนี้ก็ไม่มีคนคอยดูแลทำให้กลายเป็นวัดร้างในที่สุด   ต่อมามีครูบาอุ่นเรือน สุภทโท เข้ามาบูรณะซ่อมแซมวัดแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ซึ่งตรงกับช่วง ปี พ.ศ. 2497 อย่างไรก็ตามวัดแห่งนี้นับตั้งแต่การสร้างขึ้นมาจนอายุมาถึงปัจจุบันนั้นก็มีอายุมากกว่า 700 ปีแล้ว

       นอกจากนี้ชาวบ้านยังมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับวัดหลวงขุนวินเพิ่มเติมอีกด้วยว่าในยุคสมัยที่มีการเข้ามาบูรณะซ่อมแซมวัดแห่งนี้ขึ้นมาใหม่นั้นได้มีคำทำนายว่าจะมีต้นไม้ยืนต้นอยู่ต้นหนึ่งซึ่งต้นไม้นี้จะถูกนำมาเป็นพุทธบูชา โดยคำทำนายระบุว่าต้นไม้ยืนต้นที่มีการกล่าวถึงนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งปัจจุบันก็มีการนำต้นไม้ยืนต้นมาทำเป็นพุทธบูชาเหมือนกับคำทำนายนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    ufabet สมัคร

วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 

    วัดมหาธาตุ  ขึ้นชื่อว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเชื่อว่าหลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า  จังหวัดนี้นับได้ว่าเป็นจังหวัดที่เก่าแก่อายุหลายร้อยปีมาแล้วและสิ่งก่อสร้างภายในจังหวัดแห่งนี้ส่วนใหญ่ถ้าเกิดเป็นหวัดนั้นก็มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปีเช่นเดียวกันซึ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นเป็นสถานที่ที่มีโบราณสถานเยอะแยะเป็นอันดับต้นๆของประเทศไทยเลยก็ว่าได้

       สำหรับวัดมหาธาตุที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นถือได้ว่าเป็นโบราณสถานอีกแห่งหนึ่งที่คนไทยนั้นควรจะศึกษาข้อมูลประวัติความเป็นมาของวัดแห่งนี้เอาไว้

เพราะถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่และมีความโดดเด่นที่สำคัญวัดแห่งนี้นั้นเป็นที่รู้จักกันดีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเนื่องจากว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงอีกวัดหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเรื่องความเก่าแก่และเรื่องของความประหลาดของสิ่งก่อสร้างที่อยู่ภายในวัด

      สำหรับสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวสนใจมาเที่ยวชมความสวยงามของวัดมหาธาตุแห่งนี้ทั้งๆที่ก็มีอายุมากกว่า 100 ปีแล้วนั่นก็คือการที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งว่ากันว่าเป็นต้นโพธิ์ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติรากของต้นโพธิ์นั้นปกคลุมเศียรของพระพุทธรูปขนาดใหญ่เอาไว้เป็นภาพที่สวยงามและเป็นภาพที่แปลกตาเป็นอย่างมาก

เพราะเราไม่ค่อยคุ้นชินหรือเคยเห็นการที่รากของต้นไม้นั้นจะมีการขึ้นพันรอบของพระพุทธรูปโดยเฉพาะบริเวณแค่เศียรของพระพุทธรูปซึ่งพระพุทธรูปที่อยู่ภายในวัดมหาธาตุแล้วมีรากของต้นโพธิ์ขึ้นพันรอบนั้นเป็นพระพุทธรูปหินทราย 

        อย่างไรก็ตามมีการสันนิษฐานกันว่าในช่วงแรกๆที่มีการสร้างวัดแห่งนี้เอาไว้นั้นพระพุทธรูปน่าจะเป็นพระพุทธรูปที่ถูกสร้างแบบเต็มตัวอาจจะเป็นพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิแต่เนื่องจากว่าในช่วงสมัยโบราณนั้นอยุธยามักเกิดสงครามเป็นประจำทำให้องค์พระพุทธรูปนั้นอาจจะถูกทำลายไป

เหลือเพียงแค่ในส่วนที่เป็นพระเศียรเท่านั้นและถูกนำมาวางทิ้งไว้ใต้ต้นโพธิ์ซึ่งเมื่อกาลเวลาผ่านไปราดต้นโพธิ์ก็มีการขึ้นมาเยอะๆเรื่อยๆทำให้มาพันปกคลุมศียรของพระพุทธรูปนั่นเอง 

        อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าปัจจุบันวัดมหาธาตุนั้นจะเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพังสถานที่ต่างๆนั้นอาจจะเสื่อมโทรมและผุพังไปตามกาลเวลาเนื่องจากว่าวัดแห่งนี้เก่าแก่มากแล้วแต่ก็ยังสามารถทำให้เราเห็นเกี่ยวกับเรื่องของความสวยงามในสมัยอดีตรวมถึงขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลของวัดแห่งนี้ได้เช่นเดียวกัน  www.ufabet.com ลิ้งเข้าเว็บไซต์คะ   ซึ่งวัดแห่งนี้นั้นนับได้ว่าเป็นมรดกของไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์เอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้เห็นและให้ความสำคัญกับสถานที่แห่งนี้ 

         สำหรับที่วัดมหาธาตุแห่งนี้ปัจจุบันนอกจากบรรดานักท่องเที่ยวที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องของโบราณสถานความเก่าแก่ของสถานที่แล้วยังมีนักศึกษาและคณะครูบาอาจารย์รวมถึงพวกกรมศิลปากรต่างๆก็มักจะเดินทางมาที่วัดมหาธาตุแห่งนี้เพื่อมาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของประวัติความเป็นมาและวัฒนธรรมต่างๆของวัดไทยในสมัยโบราณนั่นเอง