เดือน: สิงหาคม 2020

ศิลปะ Post Impressionnism

ศิลปะ Post Impressionnism

ศิลปะ Post Impressionnism นั้นในแต่ละประเภทโดยส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นศิลปะที่นำมาต่อยอดร่วมกันได้ทั้งสิ้น และบางอย่างก็อาจจะเป็นสิ่งที่นำมาผสมผสานให้เกิดความสยวามได้ด้วย ถ้าหากองแล้วในยุคที่ศิลปะมีการพัฒนาและกลายเป็นยุคของศิลปะยุคใหม่นั้นศิลปะประเภทนี้ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากนั่นก็คือ ศิลปะประเภท Post Impressionism

ซึ่งต้องบอกว่าศิลปะประเภทนี้นั้นถูกแยกออกมาเป็นประเภทย่อยๆจาก Impressionism เป็นศิลปะที่มีการถ่ายทอดเรื่อนาวต่างๆผ่านมุมมองของศิลปินที่เป็นความจริงหรือเป็นสิ่งที่ศิลปินนั้นเคยพบหรือเจอมานั่นเอง

ซึ่งศิลปะประเภทนี้จะเป็นภาพที่สะท้อนความเป็นจริงขิงส่งต่างๆในช่วงนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้คน ธรรมชาติ สภาพแวดล้อมและองค์ประกอบต่างๆ โดยส่วนใหญ่แล้วศิลปะในลักษณะนี้นั้นจะเน้นเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวและเหมาะกับการบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นด้วยนั่นเอง

ศิลปะ Post Impressionnism นั้นก็เป็นศิลปะที่มีการแยกประเภทออกมาจาก Impressionism นั่นเอง ซึ่งจะยังคงการถ่ายทอดที่เป็นธรรมชาติและความจริงอยู่แต่มีการใช้หลักการการสร้างสรรค์ที่แตกต่างออกไป ก็คือ Post นั้นแปลอย่างตรงตัวก็คือ หลัง ก็หมายความว่า ศิลปะหลัง Impressionism ปนะเภทภาพวาดที่เป็น Post Impressionnism นั้น

ก็จะเน้นการลงรายละเยดด้วยสีที่สดกว่า Impressionism มีการเน้นการสร้างสรรค์ภาพด้วยการตัดทอนภาพให้เหลือเพียงรูปทรงแต่ก็ยังคงความสวยงามและเสมือนจริงอยู่ด้วย ซึ่งผลงานประเภทนี้ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน เพราะเป็นการสร้างสรรค์ที่อาจจะต้องใช้จินตรนาการมากกง่าผลงานประเภทอื่น เพราะเป็นการสร้างสรรค์ภาพที่มีความซับซ้อนไปอีกขึ้นหนึ่ง

สิลปินที่มีการสร้างสรรค์ผลงานประเภทนี้นั้นที่โดดเด่นก็ได้แก่ Toulouse เขานั้นมีความสามารถและชื่นชื่นในการสร้างสรรค์ผลงานในสไตล์ไนท์คลับ คาเฟ่ บาร์หรือสถานที่ที่เป็นสถานที่ให้ความบรรเทองระเริงใจ ปลงานของเขานั้นก็มีมากมายเลยทีเดียวแต่ที่โดดเด่นและได้รับความนิยมนั้นก็คือ At the moulin rouge เป็นผลงานที่มีการสร้างสรรค์ละ

สื่อความหมายได้ดีสำหรับสถานี่ในกลางคืนโดยภายในภาพนั้นจะเน้นการใช้สีดำเป็นหลักและมีการตัดสีภาพให้ดูโด่เด่นโดยการใช้สีขาวและสีน้ำตาล องค์ประกอบหลักๆของภาพนั้นจะเน้นเป็นการท่องราตรีของกลุ่มนักเที่ยนั่นเอง มีการทำกิจกกรมในการท่องราตรีนั่นก็คือการสังสรรค์และดื่มเหล้านั่นเอง ถึงแม้ภาพวาดนั้นอาจจะไม่ได้สวยงามในการวาดมากนักแต่ด้วยเอกลักษณ์ในการวาดและการถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจ

และดูน่าคนหานั้นทำให้ภาพนี้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาเลยก็ว่าได้ และผลงานที่โดดเด่นอีกหนึ่งชิ้นนั้นก็คือ Marcelle lrnder dancing in the bolero chilperic เป็นภาพวาดที่มีการสร้างสรรคืและสื่อความหมายในงานรื่นเริงเช่นกัน โดยภาพนั้นมีจุดเด่นก็คือหนุ่มสาวที่กำลังเต้นรำอย่างสนุกสนานภายในงานนั่นเอง แต่ผลงานชิ้นนี้นั้นจะเน้นไปในการใช้สีที่หลากหลายและมีความสดใสแต่ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ Toulouseอยู่

 

สนับสนุนโดย   ทางเข้า Ufabet มือถือ

ดนตรีเพื่อประโยชน์ต่อสมอง

ดนตรีเพื่อประโยชน์ต่อสมอง

ดนตรีเพื่อประโยชน์ต่อสมอง เวลาที่นักดนตรีนั้นหยิบเครื่องดนตรีขึ้นมานั้นจะมีกชดอกไม้ไฟปะทุขึ้นเต็มอยู่ในในสมองของพวกเขา ภายนอกของผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านดนตรีหรือนักดนตรีนั้นอาจจะดูเป็นคนที่สงบและดูนิ่งขรึมมีสมาธิ แนโน๊ตดนตรีและกระทำการต่างๆรวมถึงการเคลื่อนไหวสำคัญต่างๆอย่างาแม่นยำและมีการผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่ภายในสมองของนักดนตรีนั้นเป็นสิ่งที่เรานั้นไม่รู้เลยว่าสมองของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างมากทีเดียว 

สิ่งนี้นั้นผ่านการทดลองทางวิทยาศาตร์ โดยมีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งได้ค้นพบบางสิ่งเกี่ยวกับดนตรีที่มีผลกีบสมอง ถือว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่เลยด้วย ทำให้ทราบถึงการทำงานของสมองขณะที่เล่นหรือบรรเลงดนตรีนี่นเอง โดยในการทำทดลองนี้นั้นเป็นการวัดผลโดยการติดตามผลอย่างตลอดเวลาและมีการติดตามผลตามเวลาจริงในการทำงานของสมองด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเราทำโจทย์คณิตนั้นสมองเราก็จะมีการทำงานเช่นกันในการเล่นดนตรีหรือฟังดนตรีนั้นก็มีการวิเคราะห์ออกมาว่า ผู้ที่เล่นดนตรีและฟังดนตรีนั้นก็มีการตอบสนองในลักษณะเดียวกันนั่นเอง โดยในสมองนั้นมีการเกิดปฎิกิริยาเมื่อเล่นดนตรีหรือฟังเพลงมาในลักษณะเป็นพลุลักษระมีความสว่างในสมองทันทีหลังจากที่เล่นดนตรีหรือฟังดตรีต่างๆ

โดยนักวิทยาศาสตร์มีการวิเคราพห์เสียงและมีการแบ่งเสียงดนตรีออกไปเป็นประเภทต่างๆ เช่น ทำนอง จังหวะ จากนั้น็นำมารวมเข้าด้วยกัน ก็เป็นการรวมประสบการณ์ในการฟังดนตรีให้เป็นหนึ่งและสมองของเรานั้นสามารถทำงานได้ในเพียงเสี้ยววินาที ในการที่รัน้นได้ยินเสียงดนตรีครั้งแรก

สังเกตได้ว่าขาของเรานั้นมักจะมีการเคลื่อนไหวไปตามจังหวะดนตรี ทำให้นักวิทยาศาสตร์นั้นวิเคราะหืได้ว่า เมื่อเปรียบเทียบระหว่างผู้ฟังดนตรีและผู้เล่นดนตรี ผู้เล่นดนตรีนั้นจะมีการทำกิจกรรมทางสมองบางปย่างหลังจากที่มีการเล่นหรือบรรเลงดนตรีนั่นเอง 

ยังมีการวิเคราะห์ต่ออีกว่าดนตรีนั้นนอกจะเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์แล้วยังเป็นสิ่งที่ทำให้เมื่อเล่นดนตรีสมองมีการทำงานและทำให้ร่างกายนั้นมีการใช้สมองและเป็นการเหมือนการออกกำลังกายทั้งตัวในการใช้สมองด้วย ดนตรีจึงเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่เรานั้นสามารถนำมาช่วยในเรื่องของการพัฒนาสมองให้มีประสิทธิภาพได้

การเล่นดนตรีนั้นเป็นการใช้สมองในทุกๆส่วนพร้อมกันในขณะเล่นดนตรีนั่นเอง ดดยเฉพาะสมองชั้นนอกนั้นที่เป็นส่วนเกี่ยวกับการมองเห็น การฟัง การเคลื่อนไหว วินัยในการฝึกฝนการเล่นดนตรีหรือการเล่นดนตรีอยู่สม่ำเสมอนั้นเป็นการฝึกสมองให้แข็งแรงและสามารถทำให้เรานั้นสามารถใช้ความแข็งแกร่งของสมองที่มีการฝึกจากการเล่นดนตรีในการที่จะช่วยทำกิจกรรมอื่นๆให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ดังนั้นแล้วการเล่นดนตรีก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ไม่ได้เพียงให้ความเพลิดเพลินเท่านั้นแต่ยังสามารถช่วยในเรื่องของการพัฒนาสมองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

 

ขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย   ดูบอลสด

กว่าจะมาเป็นประติมากรรมไทยร่วมสมัยKAMA

กว่าจะมาเป็นประติมากรรมไทยร่วมสมัยKAMA

กว่าจะมาเป็นประติมากรรมไทยร่วมสมัยKAMA นั้นมีความสวยงามทั้งหมดและสมบูรณ์แล้วนั้นบางชิ้นงานไม่ได้เกิดจากจิตนาการลามกหรือผิดแปลกอย่างที่ผู้เห็นส่วนใหญ่นั้นคิด เพราะส่วนใหญ่นั้นผู้คนที่คิดว่าผลงานต่างๆนั้นมีความลากมก นั่นก็เกิดจากใจของเราที่คิดว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นเป็นสิ่งลามกหรือจะพูดได้ว่าใจเรานั้นมีความลามกไปเองเป็นต้น

ดังนั้นเราจึงเห็นว่าสิ่งเรานั้นเป็นเรื่องที่มีความลากมกหรือผิดแปลกไปนั่นเอง ซึ่งความจริงแล้วนั้นศิลปินส่วนใหญ่มักบอกว่าสิ่งเหล่านี้นั้นเป็นแค่เพียงความงามของสรีระร่างกายเท่านั้น ทุกคนล้วนต้องพบเจอสิ่งเหล่านี้เหมือนกันทั้งนั้น สิ่งที่ทำให้เราคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป้นเรื่องลามากหรือผิดแปลกนั้น เกิดจากสิ่งที่เรานั้นรู้สึกเขินอายหรือการที่เรานั้นถูกสังคมส่วนใหญ่สั่งสอนมาว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องน่าอาย เราจึงยึดติดว่าศิลปะเช่นนี้นั้นเป็นสิ่งที่น่าอายนั่นเอง

ถ้าหากเรานั้นลองมองใหม่หรือลองมอง คิดอีกมุมหนึ่ง ศอลปะเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย เป็นเรื่องที่สามารถเปิดเผยได้และเป็นเรื่องที่สามารถยอมรับกันได้

ถ้าหากพูดถึงศิลปะประติมากรรมร่สมสมัยนั้น ในยุโรปโดยส่วนใหญ่นั้นก็จะเป็นประติมากรรมเดวิดที่มีการเปลื่อยร่างกายอยู่ ซึ่งผลงานนี้นั้นเป็นการสร้างสรรค์ของนักประติมากรรมในยุคสมัยก่อนที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และประติมากรรมเดวิดนั้นถือว่าเป็นประติมากรรมที่ได้รับการยกย่องในวงการศิลปะโลกอย่างมาก โดยงานประติมากรรมเดวิดนั้นที่มีการตั้งในสถานที่ต่างๆล้วนก็เป็นงานประติมากรรมที่เปลื่อยร่างกายทั้งสิ้น ซึ่งคนยุโรปนั้นก้ไม่ได้มีการมองวางงานประติมากรรมเห่านี้เป็นผลงานที่สร้างความลามกหรือความอุจาดตาแต่อย่างใด

ถ้าหากมองแล้วนั้นในเรื่องของการสร้างสรรค์ในเรื่องสุนทรยภาพในการสร้างสรรค์แบบยุโรปนั้น ในฝั่งเอเชียของเรานั้นไม่ค่อยจะมีการเปิดรับหรือการสร้างสรรค์ในบักษณะนั้นสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่คนไทยและคนฝั่งเอเชียมักจะนิยมนับถือในสิ่งที่ไม่ค่อยจะเป็นจริงสักเท่าไหร่ แต่ประติมากรรมโดยส่วนใหญาของทางยุโรปนั้นมักจะเป็นงานที่มีสุนทรียภาพเพราะเป็นงานที่เป็นความจริงและมักเป็นงานที่สามารถจับต้องได้

คำว่า KAMA หรือ กามนั้นเป็นการสร้างสรรค์ผลงานที่มีการนำหลักธรรมพูดถึงกามมาใช้ในการทำงานและการสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวัตถุงกรรม หู ตา  จมูก ปาก ลิ้น รวมถึวกิเลสกามต่างๆ ก็มีการเลือกในเรื่องของจิตใจของเรานั้นเช่นการไปติดในรสสัมผัสเหล่านั้นและทำให้ตั้งเป็นข้อที่เกิดขึ้นในจิตว่าจะต้องเกิดเป็นเช่นนั้นหรือเช่นนี้

หรือความลุ่มหลงในจิตของเราที่เรานั้นไปสัมผัสมานั่นเอง ไม่ว่าจะเป็รเรื่องเพศ การสืบพันธ์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในการดำรงชีวิตขิงมนุษย์ ซึ่งในการสร้างสรรค์สิ่งนี้นั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่คนไทยไม่ยอมรับอย่างมากในช่วงมแรก เพราะคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่สมครและเป็นเรื่องที่ลามก แต่ซึ่งความเป็นจริงแล้วนั้น สิ่งเหล่านี้คือศิลปะงานประติมากรรมร่วมสมัยที่เกิดจากความสร้างสรรค์ภายใต้ความเป็นจริงและเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้

 

ขอขอบคุณ  เปิดบัญชีคาสิโนขั้นต่ำ100  ที่ให้การสนับสนุน

อาชีพทนายความ อัยการกับศิลปะการพูดที่ชี้เป็นชี้ตายคนได้

อาชีพทนายความ อัยการกับศิลปะการพูดที่ชี้เป็นชี้ตายคนได้

อาชีพทนายความ อัยการกับศิลปะการพูดที่ชี้เป็นชี้ตายคนได้ เพื่อเปลี่ยนถูกเป็นผิดเปลี่ยนผิดเป็นถูก พูดเพื่อให้ลูกความชนะคดี ให้พ้นผิด หรือให้ได้การรับลงโทษที่น้อยที่สุด

ทั้งสองอาชีพนี้เป็นอาชีพที่นอกจากจะต้องใช้ความรู้ทางกฎหมายฟาดฟันกันแล้ว ยังต้องใช้ทักษะ ศิลปะในการพูดเพื่อเชือดเฉือนกันอีกด้วย ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงการโต้วาที แต่การใช้วาทศิลป์ วาทกรรม ศิลปะการพูดในชั้นศาลนั้นจะต้องอาศัยความรู้ทางกฎหมาย การเอาตัวรอด การหาพยานหลักฐาน การสืบพยานมาสู้กันอย่างหมัดต่อหมัด

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับสองอาชีพนี้กันก่อน

อาชีพทนายความ คือ อาชีพที่รับว่าความ แก้ต่างคดีให้กับประชาชนคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญา มีหน้าที่ตั้งแต่เขียนคำฟ้อง คำร้อง คำขอ คำแถลงต่อศาล สืบหาพยานหลักฐาน ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ประชาชน ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ไปจนถึงว่าความในชั้นศาล

ซึ่งค่าจ้างจะแตกต่างกันไปตามความเก่ง ความมีชื่อเสียง ประสบการณ์และค่าใช้จ่ายในการเดินทางของทนายแต่ละคน โดยผู้ที่ประกอบอาชีพทนายความได้นั้นต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต และต้องมีใบอนุญาตว่าความจึงจะสามารถประกอบอาชีพทนายความ และรับว่าความได้ 

อาชีพอัยการ หรือ พนักงานอัยการ คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นข้าราชการ มีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานที่ได้จากพนักงานสอบสวนเพื่อร่างคำฟ้องยื่นต่อศาล รวมถึงว่าความให้โจทก์หรือผู้เสียหายในคดีที่เป็นความผิดต่อแผ่นดิน คดีที่เป็นการพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานของรัฐกับหน่วยงานเอกชน

หรือคดีอาญาที่เป็นความผิดต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน เสรีภาพ อัยการจะทำหน้าที่คล้ายกับทนายความ แต่ต่างกันที่อัยการไม่สามารถรับว่าความได้อย่างอิสระ เพราะอัยการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องแก้ต่าง ว่าความให้แก่หน่วยงานของรัฐ หรือประชาชนที่เป็นผู้เสียหายในคดีอาญาเท่านั้น โดยผู้ที่จะเป็นอัยการได้จะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต และสำเร็จการศึกษาเนติบัณฑิต และต้องเป็นผู้ที่สอบผ่านได้เข้าบรรจุเป็นพนักงานอัยการ

แล้วทั้งสองอาชีพนี้ต้องใช้ศิลปะการพูดอย่างไร?

ในการยื่นฟ้องต่อศาลเป็นคดีความนั้น ศาลจะต้องมีการนัดสืบพยาน ซึ่งในการสืบพยานนี้เอง ทนายความหรืออัยการจะต้องใช้ความรู้ความสามารถ ไหวพริบ ทักษะ และศิลปะในการพูดเพื่อให้ลูกความของตนชนะคดีหรือพ้นผิด จะใช้การพูดเพื่อเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับพยานฝ่ายตนเอง และก็ใช้การพูดเพื่อทำลายความน่าเชื่อของพยานฝ่ายตรงข้าม

เรียกได้ว่าเป็นการปะทะกันด้วยวาจาที่มีหลักการ มีเหตุผล มีกฎหมายและหลักฐานประกอบ ที่สำคัญจะต้องใช้ภาษาที่พยานเข้าใจได้ ใช้ภาษากฎหมายที่ถูกต้องและสละสลวยกับศาล และทนายความหรืออัยการฝ่ายตรงข้าม การสืบพยานเหมือนการโต้วาทีกันอย่างหนึ่ง นอกจากต้องใช้ทักษะกระบวนความคิด ความรู้และชั้นเชิงทางกฎหมายแล้ว

การมีศิลปะในการพูดไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อม โน้มนาว หรือทำลายความน่าเชื่อถือล้วนเป็นศิลปะการพูดที่ทั้งสองอาชีพต้องมี และศิลปะการพูดเหล่านี้เป็นตัววัดความสามารถ และวัดความเป็นความตายของชีวิตลูกความที่ฝากไว้กับทนายความและอัยการด้วย ศิลปะการพูดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อทั้งสองอาชีพ การสะสมประสบการณ์ความรู้ ความสามารถในด้านนี้ต้องมีมากพอสมควรไม่ต่างจากความรู้ในเรื่องกฎหมาย ยิ่งทนายความ อัยการมีศิลปะการพูดมากเท่าไรยิ่งเป็นผลดีต่อการทำงานและต่อตัวลูกความด้วย

 

 

สนับสนุนโดย  sa gaming บาคาร่า