ป้ายกำกับ: ufabet ฝากเงิน ออโต้

ประวัติพระใหญ่ไดบุตสึ ประเทศญี่ปุ่นและพระใหญ่แห่งไดโจเคียว ประเทศอินเดีย

           ประวัติพระใหญ่ไดบุตสึ สำหรับในบทความนี้เราจะมาแนะนำประวัติความเป็นมาของ พระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปโลก และมีขนาดใหญ่ที่ติดอันดับของประเทศในแถบเอเซีย  โดยประวัติของพระพุทธรูปที่เราจะมาแนะนำข้อมุลในครั้งนี้คือ  พระใหญ่ไดบุตสึ ของประเทศญี่ปุ่น  และพระใหญ่แห่งไดโจเคียว  ของประเทศอินเดีย 

          พระใหญ่ไดบุตสึ   ประเทศญี่ปุ่น

         สำหรับพระใหญ่ไดบุตสึ นั้นนับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญที่สุดในเมือง คามาคุระตั้งอยู่ในวัดโคโตกุอิน  ลักษณะของ พระพุทธรูปไดบุทสึนี้มีการสร้างให้มีความสูงถึง 13.35 เมตร น้ำหนัก 95 ตัน เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่นรองจากหลวงพ่อโตแห่งวัดโทไดจิเมืองนารา     

           จากหลักฐานพบว่าพระใหญ่ไดบุตสึ  ถูกสร้างขึ้นในปี 1252 ในตอนแรกนั้นพระพุทธรูปอยู่ในห้องโถงของวัดและตัววัดได้รับความเสียหายจากพายุและแผ่นดินไหวอยู่หลายครั้ง   จนในที่สุดก็ไม่มีอาคารของวัด   ทำให้พระใหญ่ไดบุทสึจึงได้ตั้งอยู่กลางแจ้ง  สำหรับองค์พระใหญ่ไดบุตสึ นั้นสร้างมาจากโลหะสำริดและทองแดง โดยช่างฝีมือดี แต่ที่เห็นองค์พระเป็นสีเขียวเป็นเพราะว่าเกิดปฏิกิริยาทางเคมี เกิดออกไซด์ของโลหะที่สะสมมาเป็นเวลานานจนองค์พระเป็นสีเขียวหรือจะเรียกว่าเป็นสนิมก็ได้

           อย่างไรก็ตามหากใครที่ได้เดินทางไปชมองค์พระใหญ่ไดบุตสึ ของจริงจะเห็นว่า พระพุทธรูปนั้นมีขนาดใหญ่มาก แต่จริงๆแล้วด้านในกลวงมีหน้าต่างระบายอากาศที่ด้านหลังองค์พระ  ufabet ฝากเงิน ออโต้    ผู้สนใจสามารถเข้าไปชมในองค์พระได้ซึ่งเสียค่าเข้าเพียง 20 เยนเท่านั้น  นอกจากนี้แล้วนักท่องเที่ยวที่มาชมพระใหญ่ไดบุตสึในช่วงต้นเดือนเมษายนยังจะได้เจอกับซากุระที่ออกดอกบานรอบๆวัดอีกด้วย 

        The Great Buddha of Daijokyo หรือพระใหญ่แห่งไดโจเคียว ประเทศอินเดีย

            พระใหญ่แห่งไดโจเคียว หรือพระใหญ่พุทธคยาในเมืองคยาประเทศอินเดียมีขนาด 49.5 เมตรทำจากหินทรายและหินแกรนิตที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ภายในเขตวัดเป็นพระพุทธรูปใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จในปี 1989 โดยสร้างจากความศรัทธาขององค์กรไดโจเคียว องค์กรพุทธศาสนานิกายมหายานประเทศญี่ปุ่น

           พระพุทธรูปหินทรายกับหินแกรนิตสีแดงความสูง 19.5 เมตรมีเอกลักษณ์การสร้างที่งดงามและการประดิษฐานณเมืองขยะอันเป็นดินแดนต้นกำเนิดพุทธศาสนาจึงทำให้พระพุทธรูปองค์นี้มีชื่อเสียงพุทธศาสนิกชนผู้แสวงบุญจึงมักไม่พลาดเดินทางไปสักการะ  แม้ว่าปัจจุบันศาสนาพุทธจะไม่ใช่ศาสนาหลักของประเทศอินเดียกับผืนแผ่นดินนี้คือดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แสดงพระธรรมสูตรและปรินิพพานที่นี่จึงถือเป็นจุดศูนย์รวมของพุทธศาสนาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง 

ประวัติวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี 

   ประวัติวัดท่าซุง เชื่อว่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวแนวโบราณและมีความสวยงามของศิลปะการออกแบบที่อ่อนช้อยย่อมเคยเดินทางมาเที่ยวที่วัดท่าซุงจังหวัดอุทัยธานีกันบ้างแล้วเพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องของสถานที่ที่ก่อสร้างเอาไว้อย่างสวยงามลงตัวและเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เป็นคนไทย

หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้เดินทางมาที่จังหวัดอุทัยธานีต่างก็ต้องแวะมากราบไหว้และมาถ่ายรูปความสวยงามของตัวปราสาททองคำและวิหารแก้ว 100 เมตรด้วยกันทั้งนั้น  

          อย่างไรก็ตามในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของประวัติความเป็นมาของวัดท่าซุงซึ่งวัดแห่งนี้นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาอย่างยาวนานและมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานเช่นเดียวกัน   โดยวัดแห่งนี้นั้นว่ากันว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยของพระนารายณ์มหาราชและชื่อวัดท่าซุงนั้นก็มีการตั้งชื่อตามอดีตเจ้าอาวาสคนแรกของวัด 

    สำหรับวัดท่าซุงนั้นอันที่จริงแล้วจะมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งนั่นก็คือวัดจันทารามโดยชื่อนี้ใช้ชื่อของทหารนายหนึ่งที่ชื่อว่าจันทร์ สำหรับความเป็นมานั้นเริ่มจากที่นายจันทร์ไปทำการออกรบหลังจากที่หมดช่วงสงครามแล้วก็เดินทางกลับมายังบ้านเกิดเพื่อที่จะกลับมาอยู่กับภรรยาและลูกแต่เมื่อเดินทางมาถึงก็ไม่พบภรรยาของตนเองแล้วดังนั้นนายจันทร์จึงได้ทำการออกบวชและมาอยู่ที่วัดแห่งนี้โดยมีการตั้งชื่อวัดว่าวัดจันทาราม 

      อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานชาวบ้านก็เริ่มมีการเรียกชื่อวัดจันทารามอีกชื่อหนึ่งโดยชาวบ้านมองว่าตรงบริเวณที่มีการสร้างวัดรวมถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ในจังหวัดอุทัยธานีนี้แต่เดิมนั้นเป็นป่ามีต้นไม้เยอะมาก

และชาวบ้านประกอบอาชีพตัดไม้ออกไปขายโดยมีการขนส่งไม้ไปตามแม่น้ำสะแกกรังซึ่งชาวบ้านจะตัดไม้ออกเป็นท่อนๆแล้วปล่อยให้ไหลตามน้ำไปและวัดจันทารามแห่งนี้ก็อยู่ใกล้กับแม่น้ำสะแกกรังจึงทำให้ชาวบ้านเริ่มหันมาเรียกชื่อวัดแห่งนี้ว่าวัดท่าซุง  

       อย่างไรก็ตามช่วงแรกๆนั้นไม่ค่อยมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้มากนักแต่หลังจากช่วงประมาณปีพ.ศ 2332 ก็เริ่มมีพระสงฆ์มาจำพรรษาอยู่ที่นี่มากขึ้นอย่างเช่นหลวงพ่อใหญ่ซึ่งปัจจุบันนั้นชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากหรือแม้แต่หลวงพ่อขนมจีนหรือที่ชาวบ้านรู้จักกันดี

ในนามของหลวงพ่อเส็งรวมถึงหลวงพ่อพระราชพรหมญาณก็เคยอาศัยอยู่ที่วัดท่าซุงแห่งนี้เช่นเดียวกันดังนั้นจะเห็นได้ว่าประวัติความเป็นมาแล้วหลวงพ่อแต่ละองค์ที่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าซุงนั้นก็จะกลายเป็นพระอรหันต์  เช่นหลวงพ่อใหญ่และหลวงพ่อเส็งเป็นต้น

        อย่างไรก็ตามหลังจากที่พระอรหันต์ทั้ง 2 รูปมรณะภาพไปแล้วก็ทำให้วัดท่าซุงนั้นไม่ค่อยเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามากนักจนวัฒน์มีความสุขโทรมจนมาช่วงประมาณปีพศ 2511 จึงมีการเริ่มบูรณะวัดใหม่อีกครั้งและการมาเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงปัจจุบัน 

 

ขอบคุณ  ufabet ฝากเงิน ออโต้  ผู้ให้การสนับสนุน