สื่อจีนตีข่าว คอลเซนเตอร์-น้ำมันเมียนมาขาดแคลน หลังถูกตัดไฟ ประชาชนแห่ซื้อเครื่องปั่นไฟฝั่งไทย

สื่อใหญ่ของจีนรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา หลังจากมีการตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปยังฝั่งเมียนมา ส่งผลให้ประชาชนในจังหวัดท่าขี้เหล็กต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
ประชาชนจำนวนมากพากันเดินทางข้ามด่านพรมแดนมายังอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อซื้อเครื่องปั่นไฟกลับไปใช้ ขณะที่การใช้ไฟฟ้าในกลุ่มคอลเซนเตอร์ที่ตั้งอยู่ในฝั่งเมียนมาลดลงอย่างมาก
หลังจากที่มีการตัดกระแสไฟฟ้าจากฝั่งไทย ส่งผลให้ประชาชนในจังหวัดท่าขี้เหล็กของเมียนมาต้องหาทางรับมือกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจและครัวเรือนที่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าในการดำเนินชีวิต ทำให้เครื่องปั่นไฟกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องข้ามพรมแดนมาซื้อเครื่องปั่นไฟในฝั่งไทย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันในฝั่งเมียนมาก็เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการใช้มากขึ้นสำหรับเครื่องปั่นไฟและยานพาหนะที่ต้องขนส่งสินค้า ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้นตามมา
แหล่งข่าวระบุว่าการตัดกระแสไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อกลุ่มคอลเซนเตอร์ผิดกฎหมายที่ตั้งอยู่ในฝั่งเมียนมา ทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มดังกล่าวลดลงประมาณ 40-50% เนื่องจากไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ หลายศูนย์ต้องหยุดให้บริการชั่วคราวหรือหาทางแก้ไขด้วยการใช้เครื่องปั่นไฟแทน

การตัดไฟส่งผลให้กลุ่มคอลเซนเตอร์เผชิญกับปัญหาด้านการปฏิบัติงานและอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้การปราบปรามของเจ้าหน้าที่เป็นไปได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกัน สถานการณ์การปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ยังเป็นที่สนใจของสื่อจีน โดยสำนักข่าวซีซีทีวี (CCTV) ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ไทย ที่สามารถรับตัวชาวต่างชาติ 61 คนจากเมียนมากลับเข้ามาในประเทศไทย หลังพบว่าพวกเขาเป็นเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานในแก๊งคอลเซนเตอร์
กลุ่มบุคคลดังกล่าวถูกล่อลวงให้เดินทางไปทำงานในเมียนมา โดยมีการอ้างว่าจะได้รับค่าตอบแทนสูง แต่แท้จริงแล้วกลับถูกบังคับให้ทำงานในศูนย์คอลเซนเตอร์ผิดกฎหมาย ภายใต้การควบคุมของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ
สื่อจีนรายงานเพิ่มเติมว่า ทางการจีนให้ความสำคัญกับการกวาดล้างขบวนการคอลเซนเตอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่พลเมืองจีนอย่างมาก โดยที่ผ่านมา จีนได้ประสานความร่วมมือกับหลายประเทศ รวมถึงไทย ในการจับกุมและส่งตัวผู้ต้องสงสัยข้ามแดน
สำหรับการดำเนินงานของไทยนั้น เจ้าหน้าที่มีการเร่งปราบปรามขบวนการนี้อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับหน่วยงานในเมียนมา และจีน เพื่อสกัดกั้นการล่อลวงประชาชนเข้าสู่วงจรอาชญากรรม
ปัจจุบัน สถานการณ์ในท่าขี้เหล็กยังคงตึงเครียดจากผลกระทบของการตัดไฟ ทำให้ประชาชนต้องปรับตัวด้วยการหาทางจัดหาแหล่งพลังงานสำรอง ขณะที่ราคาสินค้าโดยเฉพาะน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ยังคงดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างไทย จีน และเมียนมา ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ขึ้นอยู่กับแนวทางการจัดการและมาตรการต่าง ๆ ที่จะมีการบังคับใช้ต่อไป
สนับสนุนโดย เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก
