เดือน: สิงหาคม 2021

ประเพณีขึ้นถ้ำพระขยางค์ 

        ประเพณีขึ้นถ้ำพระขยางค์    ที่บนเขาแหลมเนียง  อำเภอกระบุรี  มีถ้ำอยู่ด้านบนเขา ซึ่งถ้ำแห่งนี้ชื่อว่า  ถ้ำพระขยางค์   ซึ่งอำเภอกระบุรีนี้เอง อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดระนอง  ซึ่งที่นี่จะมีการจัดประเพณีการขึ้นถ้ำพระขยางค์ โดยประเพณีนี้มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี จึงอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นประเพณีประจำปีเลยก็ว่าได้  สำหรับประเพณีนี้มีมาช่วงประมาณปี พ.ศ. 2504 เป็นประเพณีขึ้นเขา และจะมีการจัดขึ้นในช่วงประมาณวันตรุษจีน 

        สำหรับ ประเพณีขึ้นถ้ำพระขยางค์  นี้จะเป็นประเพณีการแห่และมีการบวงสรวงต่อพ่อตาหลวงแก้ว   ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ  เพราะชาวบ้านเชื่อกันว่า พ่อตาหลวงแก้ว จะมีหน้าที่คอยปกป้องคุ้มครองชาวบ้านทุกคนรวมถึงคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวบริเวณเขาแหลมเนียงแห่งนี้ ให้เดินทางไปมาอย่างปลอดภัย รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่แห่งนี้ก็จะปลอดภัยด้านการเดินทางอีกด้วย

   วิธีการจัดงานบวงสรวงนี้จะจัดขึ้นโดยผู้ที่มีการจัดเตรียมงานก็คือองค์การบริหารส่วนตำบลลำเลียง  เตรียมงานอย่างยิ่งใหญ่จะมีการประกอบพิธีทางศาสนาโดยวิธีการบวงสรวงนั้นจะประกอบพิธีทางศาสนาแบบพราหมณ์ซึ่งภายในพิธีบวงสรวงนั้นก็จะต้องมีเครื่องบวงสรวงเครื่องทำบายศรีต่างๆเป็นการบวงสรวงอย่างยิ่งใหญ่ชาวบ้านจะพากันหลั่งไหลมาร่วมพิธีบวงสรวงในครั้งนี้เป็นจำนวนมากโดยพิธีบวงสรวงนั้นจะต้องมีการจัดทำขึ้นที่บริเวณด้านหน้าของตัวถ้ำดังนั้นตลอดระยะเวลาสองข้างทางหรือบริเวณทางเดินที่จะเชิญขึ้นไปบนถ้ำนั้นจะมีการประดับประดาแสงไฟส่องตามทางเดินเอาไว้อย่างสวยงามและยังมีการอำนวยความสะดวกไว้รอชาวบ้านที่จะมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

           คนที่จะมาร่วมงานจะต้องมีการไต่ขึ้นไปบนเขาซึ่งจะเป็นหน้าผาสูงชันไปเรื่อยๆโดยระยะทางที่ขึ้นไปนั้นจะมีอุปสรรคมากมายไม่ว่าจะเป็นความชื้นแฉะของพื้นหรือบางที่ก็จะมีบริเวณน้ำไหลของหินงอกหินย้อยแต่บางช่วงก็จะมีการทำบันไดเอาไว้ซึ่งผู้ที่มาร่วมงานพิธีขึ้นถ้ำพระขยางค์ นี้จะต้องมีการร่วมงานในการเดิน ซึ่งทางเดินภายในถ้ำนั้นก็จะมีความงดงามมีทั้งฝูงครั้งคราวและมีโครงที่สามารถส่องเห็นแสงสว่างออกไปทางด้านนอกเห็นต้นไม้ใหญ่ทางด้านนอกมีมุมสวยๆมากมายแต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องของอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางขึ้นเข้าไปในถ้ำ 

          บริเวณด้านล่างทางขึ้นเขาก็จะมีการจัดกิจกรรมมากมายอย่างเช่นการแสดงมโนราห์และมีการจัดกิจกรรมอื่นๆเอาไว้ให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานได้ร่วมสนุกกัน ซึ่งแน่นอนว่าพิธีงานได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวบ้านและการจัดงานทุกครั้งก็จะประสบความสำเร็จอย่างมาก  

 

สนับสนุนโดย  ติดต่อ ufabet

ตำนานประตูอาถรรพ์ที่ประเทศเปรูที่ไม่มีใครกล้าเปิด 

         ตำนานประตูอาถรรพ์  เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนที่ชื่นชอบการไปเที่ยวต่างประเทศและเคยเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเปรูคงจะเคยได้ยินสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่อยู่บนยอดเขานั้นก็คือมาชูปิกชู   ซึ่งที่นี่คือเทหะสถานร้างที่ผู้คนต่างก็หลงลืมกันมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปีเลยทีเดียวกว่าจะถูกค้นพบเจอใหม่อีกครั้งหนึ่งและการมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในปัจจุบัน 

      สำหรับที่เมืองมาชูปิกชูนี้มันคือป้อมปราการร้างซึ่งเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่  และผู้ที่ค้นพบเมืองป้อมปราการหลังที่นี่นั่นก็คือชายคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวสเปนนั่นเอง  และถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกค้นพบแล้วแต่ด้วยความยิ่งใหญ่กินพื้นที่หลายร้อยไร่จึงมีห้องต่างๆมากมายเต็มไปหมดและนะทางเดินเล็กๆแห่งหนึ่งก็มีห้องอยู่ห้องหนึ่งซึ่งห้องดังกล่าวนั้นมีการปิดประตูตายเอาไว้และไม่มีใครที่จะสามารถไปทำการเปิดประตูนี้ได้ 

        สำหรับป้อมปราการร้านแห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากชนเผ่าอินคาในสมัยก่อนและประตูที่ไม่มีคนเปิดนั้นว่ากันว่านักวิทยาศาสตร์ได้มีการนำเรดาร์มาทำการส่องประตูบานนั้นเข้าไปดูพบว่าด้านในนั้นมีโลหะมากมายเต็มไปหมด และด้านในภายในประตูบ้านนั้นว่ากันว่าเป็นที่ฝังศพและเป็นสุสาน ของกษัตริย์องค์หนึ่งซึ่งมีชื่อว่าประชากุฏิ  ซึ่งกษัตริย์องค์นี้คือกษัตริย์องค์ที่สร้างเมืองมาชูปิกชูขึ้นมานั่นเอง 

         หลังจากที่มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าภายในนั้นเป็นสุสานของกษัตริย์รัฐบาลจึงได้มีการประกาศว่าห้ามบุคคลใดก็ตามแต่ที่เดินทางมาเที่ยวอย่างที่สถานที่แห่งนี้เปิดประตูบานดังกล่าว หลังจากที่รัฐบาลประกาศไม่ให้มีคนเปิดประตูบานดังกล่าวนั้นก็ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงต่างก็พากันร่ำลือว่าสาเหตุที่ทางรัฐบาลไม่ให้นักท่องเที่ยวเปิดประตูดังกล่าวเข้าไปดูสุสานของกษัตริย์นั้นก็เพราะว่าแท้ที่จริงแล้วประตูบานดังกล่าวนั้นหากมีคนเปิดก็จะเกิดอาถรรพ์เกิดขึ้น

        ตำนานประตูอาถรรพ์ อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครเคยออกมายืนยันว่าหากเปิดประตูบ้านดังกล่าวแล้วอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นอะไรเพราะตั้งแต่รัฐบาลมีการประกาศออกไปก็ไม่มีใครกล้าที่จะเปิดประตูดังกล่าวเลยแม้แต่คนเดียวเพราะต่างก็กลัวอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองนั่นเอง

          ซึ่งอันที่จริงแล้วอาจจะไม่ได้มีอาถรรพ์อะไรก็เลยก็ได้  แต่เป็นความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของผู้คนเท่านั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะเปิด  หรือบางคนอาจจะกลัวว่าหากมีการเปิดประตูบ้านดังกล่าวไปจะถูกทางรัฐบาลของประเทศเปรูจากกลุ่มก็เท่านั้นเอง  แต่ถ้าหากใครสนใจที่จะลองไปเปิดประตูบานดังกล่าวนั้นคุณก็สามารถเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเปรูและเดินทางไปที่มาชูปิกชูและทดสอบได้เลยว่าประตูดังกล่าวนั้นหากเปิดแล้วจะมีอาถรรพ์จริงหรือไม่

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  บาคาร่า sa

ผลงานด้านศิลปะโครงกระดูกงูยักษ์  ค้นเจอผ่านทาง Google Earth 

         ผลงานด้านศิลปะโครงกระดูกงูยักษ์  มีหลายครั้งที่เรามักจะเห็นอะไรแปลกๆเมื่อมีการค้นหาข้อมูลผ่านทาง Google Earth ซึ่งบางครั้งคดีฆาตกรรมหลายรายที่เรานั้นยังหาคำตอบไม่ได้เราก็พบได้จากการที่เราส่องจาก Google Earth นั่นเองอย่างเช่นก่อนหน้านี้มีชายคนหนึ่งเล่น Google Earth แล้วสามารถมองเห็นรถในแม่น้ำ

และเมื่อประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูก็พบว่ามีศพอยู่ในรถคันดังกล่าวจริงซึ่งเมื่อตรวจสอบเชิงลึกไปก็จะเห็นได้ว่าศพที่อยู่ในรถคันดังกล่าวนั้นถูกแจ้งความคนหายเอาไว้เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วนอกจากนี้เรายังพบข้อมูลแปลกๆผ่านทาง Google Earth อยู่เป็นประจำ ซึ่งมันทำให้เราเห็นได้ว่า Google Earth นั้นมีความสำคัญมากยิ่ง 

           อย่างไรก็ตามสิ่งเราจะพูดถึงต่อไปนี้นั้นมีความเกี่ยวพันกับการส่อง Google ผลงานด้านศิลปะโครงกระดูกงูยักษ์  เช่นเดียวกันเมื่อวันที่ 14 เดือนมิถุนายนปีพศ 2564 มีผู้ใช้ Google Earth รายหนึ่งได้มีการค้นดูข้อมูลไปทั่วจนในที่สุดเขาก็ว่าจะสถานที่แปลกๆซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั้นอยู่ตรงบริเวณชายหาดแห่งหนึ่งดังนั้นเมื่อเขาเจอลักษณะโครงสร้างแปลกๆเขาจึงได้มีการซูมเข้าไปดูใกล้ๆและเมื่อเขาส่งเข้าไปดูเขาก็ต้องตกใจเพราะว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นโครงกระดูกงูยักษ์ขนาดใหญ่มหึมาหรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นโครงกระดูกของโคตรงูยักษ์เลยก็ว่าได้

           แน่นอนว่าหลายคนหลังจากที่ได้ดูข้อมูลที่เป็นรูปภาพที่ถ่ายมาจาก Google Earth นั้นหลายคนมองว่ามันอาจจะเป็นงูธรรมดาซึ่งมีความใหญ่โตและที่สำคัญมันน่าจะเป็นซากฟอสซิลของงูในสมัยดึกดำบรรพ์ที่มีขนาดความใหญ่โตมโหฬารหรือที่เราเรียกกันว่าไททันโอโบอาซึ่งในสมัยโบราณนั้นงูชนิดนี้มีความใหญ่โตมากมายเลยทีเดียวและเป็นงูที่สูญพันธุ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพโครงกระดูกงูยักษ์ผ่านทาง Social Media ก็ได้มีผู้ให้คำตอบว่าแท้ที่จริงแล้วภาพที่เห็นเป็นโครงกระดูกงูยักษ์นั้นเป็นผลงานศิลปะของชาวจีนคนหนึ่งที่เขาได้สร้างผลงานชั้นเยี่ยมเอาไว้ที่บริเวณริมชายหาด ซิงต์ เบรวิน เส์ ปองส์  ซึ่งชายหาดแห่งนี้อยู่ในแคว้น เปอีเดอลาลัวร์    ซึ่งแขวนนี้อยู่ในทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศสนั้นเองโดยใช้หาดแห่งนี้อยู่ในพื้นที่ของเมือง ลวราตล็องติก 

            สำหรับผลงานด้านศิลปะในครั้งนี้นั้นผู้ที่ก่อสร้างขึ้นมาได้ใช้อลูมิเนียมในการทำเป็นโครงกระดูกของงูยักษ์โดยโครงนี้มีความยาวถึง 120 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าของผลงานศิลปะชิ้นนี้ได้มีการตั้งชื่อผลงานของเขาเอาไว้ว่า  Surpent D’ Ocean  ซึ่งเป็นผลงานศิลปะที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณ ปีพ.ศ. 2555    และโครงกระดูกอลูมิเนียมที่เป็นผลงานศิลปะนี้ไม่ได้เป็นการสร้างขึ้นมาโดยลอกเลียนแบบของงูแต่เป็นผลงานที่สร้างขึ้นมาจากมังกรซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานของประเทศจีนนั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  ufabet ฝาก-ถอน ออโต้

ตำนานความน่ากลัวของศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ 

           ที่ประเทศญี่ปุ่น จะมีศาลเจ้าที่ชื่อว่า ศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ   ซึ่งอยู่ในเมืองโตเกียวเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นนั่นเองโดยสารเจ้าแห่งนี้นั้นเป็นศาลเจ้าที่ชาวเมืองญี่ปุ่นใช้ในการบูชาเทพเจ้าจิ้งจอก  โดยศาลเจ้าแห่งนี้นั้นบริเวณทางเข้าจะมีรูปปั้นของจิ้งจอกตัวมหึมาอยู่และที่บริเวณลำตัวของรูปปั้นจิ้งจอกนั้นก็จะมีป้ายอันสีแดงคล้องคออยู่

        ส่วนทางเข้าของศาลเจ้านั้นจะมีการสร้างประตูที่ทำด้วยไม้ เป็นเสา โดยเสาเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า เสาโทริอิ  เป็นประตูทางเข้าซึ่งทาสีแดง โดยเสาเหล่านี้มีมากว่าหนึ่งหมื่นต้นเลยทีเดียว และตรงบริเวณเสายังมีตัวอักษรญี่ปุ่นกำกับเอาไว้ตามความ  สำหรับนักทอ่งเที่ยวคนไหน ที่อยากจะมาเคารพสักการะ งศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ  แห่งนี้นั้น จะต้องใช้ระยะเวลาเดินทางค่อนข้างนานมากเลยทีเดียว

          เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้นั้นจะอยู่ห่างจากถนนใหญ่ไปประมาณเกินกว่า 4 กิโลเมตรด้วยกันและสองข้างทางนั้นก็จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ซึ่งเป็นป่าสีเขียวขจีเต็มไปหมด ศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ   ซึ่งถ้าหากใครเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงเวลากลางวันนั้นจะสามารถถ่ายรูปสวยๆของวิวทิวทัศน์สองข้างทางได้มากมายหลายรูปเลยทีเดียวแต่ถ้าหากใครที่มาคนเดียวก็อาจจะดูน่ากลัวไปหน่อยเพราะที่วัดแห่งนี้นั้นค่อนข้างที่จะเงียบเหงาและวังเวงเป็นอย่างมาก

            และถ้าหากมาช่วงเวลากลางคืนแล้วเราก็จะน่ากลัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียวโดยที่ งศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ  แห่งนี้นั้นได้มีการเล่าถึงตำนานความน่ากลัวของที่ศาลเจ้าแห่งนี้โดยระบุว่าหากใครที่เดินทางมาเคารพสักการะที่ งศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ  แห่งนี้ มีกฎห้ามอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือห้ามมองไปที่ดวงตาของรูปปั้นเทพเจ้าจิ้งจอกอย่างเด็ดขาดเพราะถ้าหากใครมองเข้าไปในดวงตาของเทพเจ้าจิ้งจอกแล้วแล้วก็มันจะเหมือนกับเป็นการลบหลู่

            ซึ่งผลที่ตามมาก็คือคุณจะไม่สามารถเดินทางออกมาจากงศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ  ได้อีกเลยหรือถ้าหากใครที่สามารถจะออกมาจากงศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ แห่งนี้ได้พวกเขาเหล่านั้นก็จะลืมเรื่องราวในช่วงเวลาที่เขาหายตัวไปพวกเขาจะจำไม่ได้ว่าเหตุการณ์ในช่วงที่เขาหายตัวไปนั้นเขาไปเจอเรื่องราวอะไรมาบ้าง

          อย่างไรก็ตามเรื่องราวนี้เป็นเพียงแค่ตำนานความเชื่อเพียงเท่านั้นซึ่งถ้าตามหลักทางวิทยาศาสตร์และอาจจะมองได้ว่าเนื่องจากระยะทางในการเดินทางไปที่งศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ  แห่งนี้ค่อนข้างไกลพอสมควรและตลอดสองข้างทางก็เป็นป่าไม้ทำให้ถ้าหากคนที่ไม่ชำนาญทางแล้วแวะเที่ยวตลอดสองข้างทางก็อาจจะทำให้หลงป่าได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย  ufabetฝ่ายบริการ