หมวดหมู่: ตำนาน

ตำนานอาถรรพ์เจ้าหญิง อาเมน-รา 

            สำหรับเรื่องราว อาถรรพ์เจ้าหญิง อาเมน-รา  นั้น พระนางเป็นเจ้าหญิงของประเทศอียิปต์  ที่ว่ากันว่าพระนางนั้นมีอายุมาตั้งแต่ก่อนปีเกิดคริสตศักราชเมื่อ 1, 500 ปีมาแล้ว 

โดยว่ากันว่าร่างของพระนางหลังจากที่มีการเสียชีวิตลงแล้วนั้นถูกบรรจุไว้ในโลงศพซึ่งโลงศพของพระนางนั้นได้มีการนำเพชรนิลจินดามาตกแต่งไว้อย่างสวยงามตระการตาเลยทีเดียวหลังจากนั้นโลงศพของพระนางก็ถูกนำไปฝังไว้ในสุสานแห่งหนึ่งซึ่งสุสานดังกล่าวนั้นถูกสร้างขึ้นไว้ตรงบริเวณริมแม่น้ำไนล์  อยู่ที่เมืองลักซอร์ซึ่งสื่อสารดังกล่าวนั้นนับว่าเป็นสุสานหลวงที่หากมีเชื้อพระวงศ์เสียชีวิตก็จะถูกนำโรงศพมาเก็บไว้ที่สุสานแห่งนี้

          ว่ากันว่าเรื่องราว อาถรรพ์เจ้าหญิง อาเมน-รา    เกิดขึ้นเมื่อปลายคริสต์ศักราช 1890   เมื่อช่วงเวลาดังกล่าวนั้นได้มีมหาเศรษฐีทั้งหมด 4 คนด้วยกันนัดแม่พากันมาเที่ยวที่ประเทศอียิปต์และได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมสุสานหลวงดังกล่าวซึ่งเป็นสถานที่เก็บโลงศพของ เจ้าหญิง  อาเมน – รา   แล้วเมื่อบรรดาเศรษฐีทั้ง 4 คนได้เห็นโลงศพของเจ้าหญิงอาเมน – รา  ที่มีความงดงามตระการตาต่างก็อยากได้โรงศพนี้เป็นสมบัติส่วนตัวของตน

       ในวันดังกล่าวนั้นได้มีเศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็น 1 ใน 4 คนนั้นได้มีการจ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะให้มีการนำโรงศพของเจ้าหญิงอาเมน – รา   ไปไว้ที่บ้านของตนโดยเขาได้สั่งให้คนงานนำโรงศพมาเก็บไว้ที่โรงแรมที่เขาพักอยู่ก่อนเพื่อที่จะได้นำกลับไปพร้อมกับตัวเองตอนที่เดินทางกลับประเทศ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการนำโรงศพของเจ้าหญิงอาเมน – รา  มาไว้ที่โรงแรมเสร็จเรียบร้อยแล้วเสร็จที่คนดังกล่าวก็ออกไปเที่ยวตามปกติซึ่งหลังจากที่เขาออกไปก็ไม่เคยย้อนกลับมาที่โรงแรมอีกเลยและไม่มีใครเคยเห็นเขาอีกเลยโดยมีการคาดการณ์ว่าเขาน่าจะหายไปและอาจจะเสียชีวิตกลางทะเลทราย

    นอกจากนี้บรรดาเพื่อนเศรษฐีของเขาอีก 3 คนที่เหลือต่างก็ประสบเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกันทุกคนโดยหนึ่งในเพื่อนมหาเศรษฐีนั้นได้ถูกคนใช้ของตนเองใช้อาวุธปืนยิงโดยที่ไม่ทราบสาเหตุซึ่งกระสุนได้ไปถูกที่แขนของมหาเศรษฐีคนดังกล่าวแต่แผลติดเชื้อจึงจำเป็นต้องตัดแขนทิ้งในขณะที่เพื่อนเศรษฐีอีกคนนึงนั้นประสบกับปัญหาบ้านถูกฟ้องล้มละลายธนาคารยึดทรัพย์สินไปหมดทำให้จากคนรวยกลายเป็นคนจน

       ส่วนเศรษฐีคนสุดท้ายนั้นเขาต้องเจอกับโรคร้ายที่รักษาไม่หายทรมานร่างกายอยู่นานหลายปีและหมดเงินจากการรักษาอาการของโรคนี้จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวแต่โลกนี้ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้จนท้ายที่สุดเขาก็ต้องเสียชีวิตจากการเป็นโรคร้ายนั่นเอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    sa gaming ขั้นต่ำ 5 บาท

ตำนานรักพระลอ

          ตำนานรักพระลอ เป็นเรื่องเล่าตำนานที่กล่าวขานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณเกี่ยวกับตำนานความรักของหญิงสาวสองคนที่มีต่อชายหนุ่มคนหนึ่งโดยหญิงสาวทั้งสองนั้นมีชื่อว่าพระเพื่อนกับพระแพงซึ่งทั้งสองคนนั้นเป็นพี่น้องกันเป็นเจ้าหญิงที่ปกครองเมืองแต่เนื่องจากว่าเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์นั้น

ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าชายองค์หนึ่ง

ซึ่งครองเมืองอีกเมืองหนึ่งที่ชื่อว่าพระลอโดยเสียงเล่าลือที่พูดถึงพระลอนั้นพูดกันว่า พระลอนั้นมีรูปโฉมที่งดงามเป็นอย่างมากรูปหล่อหาใครเปรียบไม่ได้ดังนั้นทั้งสองคนจึงได้ให้คนรับใช้มาสืบจนรู้ว่าเสียงเล่าลือนั้นเป็นเรื่องจริง

        ในที่สุดทั้งเพื่อนและพระแพงต่างก็พากันตกหลุมรักพระลอ จึงได้ให้พระฤาษีปู่เจ้าสมิงพรายช่วยทำเสน่ห์ยาแฝดให้เพื่อให้พระลอ นั้นรักของตนเอง  ซึ่งแน่นอนว่าด้วยเสน่หายาแฝดที่ทางปู่เจ้าสมิงพรายทำให้นั้นทำให้ในที่สุดแล้ว พระลอ ก็ดั้นด้นออกจากเมือง

เพื่อมายลโฉมความงดงามของเจ้าหญิงทอเพื่อนและเจ้าหญิงพระแพนโดย อ้างการออกศึกประพาสป่า  อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วทั้งสามคนก็ได้ครองคู่กันด้วยแอบได้เสียกันจนในที่สุดพระราชบิดาของเจ้าหญิงพระเพื่อนและเจ้าหญิงพระแพงก็รู้เรื่องเข้าซึ่งพระองค์นั้นแท้ที่จริงแล้วต้องการที่จะยึดครองเมืองของพระลออยู่แล้วเมื่อรู้เหตุการณ์นี้จึงแสร้งทำดีด้วยและอนุญาตให้ทั้ง 3 คนนั้นอภิเษกสมรสกัน 

          อย่างไรก็ตามในช่วงที่มีการจัดงานอภิเษกสมรสกันนั้นเองทางด้านพระเจ้าย่าของพระเพื่อนพระแพงนั้นได้มีการสั่งให้ทหารมาร้องพระตำหนักของพระเพื่อนพระแพงพระลอหลังจากนั้นก็สั่งให้ทหารใช้ธนูยิงเข้าไปเพื่อหวังที่จะฆ่าพระลอให้เสียชีวิตนั่นเอง

แต่ด้วยความรักที่เจ้าหญิงเพราะเพื่อนกับเจ้าหญิงพระแพงมีต่อสามีของตนเองก็คือพระลอทำให้ทั้งสองคนนั้นเอาตัวเองไปบังลูกธนูเพื่อไม่ต้องการให้สามีของตนเองนั้นเสียชีวิตดังนั้นเจ้าหญิงเพราะเพื่อนและเจ้าหญิงพระแพงจริงเสียชีวิตจากการโดนธนูของทหารในเมืองตนเองถ้าตายในขณะเดียวกันตัวเพราะเองก็เสียชีวิตจากการถูกธนูหญิงด้วยเช่นเดียวกัน

         หลังจากที่เรื่องราวสงบลงทุกคนก็ได้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นร่างของพระรอหรือร่างของพระเพื่อนและร่างของพระแพงทั้ง 3 ชีวิตนั้นเสียชีวิตกองอยู่รวมกันโดยกอดกันตายทั้ง 3 พระองค์ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็พากันเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากโดยมองว่าทั้ง 3 คนนั้นรักกันด้วยความจริงใจแต่ต้องมาเสียชีวิตจากเรื่องที่ผู้ใหญ่นั้นไม่ถูกกันจึงมีการสร้างอนุสรณ์เอาไว้เป็นอนุสาวรีย์ของพระลอและพระเพื่อนและพระแพงที่ถูกลูกธนูยิงซึ่งอนุสรณ์นี้ยังคงมีอยู่ที่จังหวัดแพร่จนถึงปัจจุบันนี้ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ufabet ดีที่สุด

ตำนานเสาหลักเมืองใช้มนุษย์ในการสร้างจริงหรือเปล่า

ตำนานเสาหลักเมือง เวลาที่เราได้พูดเรื่องของตำนานผีสานต่างๆนานามากมายส่วนใหญ่เราเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะพูดถึงเรื่องของชีวิตหลังความตายมันมีจริงหรือไม่วิญญาณมันมีอยู่จริงหรือเปล่าและถ้าหากเราตายไปเราจะได้ไปนรกหรือสวรรค์กันแน่ถูกไหมเราอยากจะบอกว่าเรื่องราวเหล่านี้มันเป้นสิ่งที่คนสงสัยกันมาที่สุด

ซึ่งมันก็ยังได้มีอยู่อีกหนึ่งเรื่องที่คนได้ตั้งคำถามขึ้นมาและคนก็ยังหาคำตอบไม่ได้นั่นก็คือเวลาที่เราตายไปในรูปแบบลักษณะต่างๆไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของตายท้องกลมตายด้วยอุบัติเหตุหรือตยโดยธรรมชาติเราจะไปเกิดเป็นวิญญาณแบบไหนถ้าหากว่าโลกใบนี้มีวิญญาณจริงๆ

โดยคำถามตรงนี้มันก็ได้เป็นคำถามที่คนได้ตั้งมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

และเขาก็ยังได้ตั้งคำถามกันอยู่ว่าสรุปแล้วเราจะเกิดไปเป็นอะไรกันแน่และคำถามนี้มันเลยไปผูกกับหัวข้อที่เราจะมาพูดในวันนี้เพราะคำถามนี้มันได้ไปโยงกับพิธีกรรมหนึ่งในอดีตที่เขาได้มีความเชื่อเกี่ยวกับการปกป้องรักษาเมืองจากโรคภัยไข้เจ็บลากภัยต่างไม่ว่าจะเป็นทั้งคนวิญญาณหรือสิ่งชั่วร้าย

ตำนานเสาหลักเมือง เพราะฉะนั้นในอดีตกาลเขาได้มีความเชื่อกันว่าในโลกของเรานี้มีทั้งคนเป็นมีทั้งคนตายและเมื่อคนตายไปแล้วมันก็จะต้องไปเกิดเป็นวิญญาณในรูปแบบไหนอันนี้เราไม่รูปอาจจะเกิดไปเป็นวิญญาณในรูปแบบที่ดีมาช่วยคนมาปกปักรักษาคนก็ว่าไปแต่เขาก็ยังได้มีความเชื่ออีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือมันอาจจะเกิดไปเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่เขานั้นอาจจะบุกเข้ามาโจมตีหรือก่อความวุ่นวายให้กับชาวบ้านได้

นอกจากนี้ในสมัยก่อนในเรื่องของคุณไสยมนต์ดำ

มันก็เป็นที่เรื่องชื่อและความส่วนใหญ่ก็ได้เชื่อกันมากด้วยว่าวิชาเหล่านี้ยังสามารถนำเอาควบคู่กับสงครามหรือเอามาปกปักกันพวกศัตรูได้ตรงนี้มันเลยทำให้ผู้ที่ได้ปกครองบ้านปกครองเมืองในสมัยก่อนเขามองเห็นว่าฉะนั้นแล้วเราจะต้องมีวิญญาณที่คอยอารักขาบ้านเมืองอยู่มิเช่นนั้นมันก็อาจจะเกิดเหตุร้ายและมันก็อาจจะทำให้บ้านเมืองของเขานั้นเกิดมีความวุ่นวายได้นั่นเอง

เนื่องจากนี้ในคำถามคือพวกเขานั้นจะหาวิญญาณที่ไหนดีๆที่จะมาคอยปกปักรักษาบ้านเมืองและจะจงรักภักดีต่อเมืองพวกเขาได้ตรงนี้เขาเลยเกิดแนวคิดขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือถ้าหากเราต้องการที่จะหาวิญญาณของมนุษย์ที่จงรักภักดีต่อเมืองและต้องการปกปักรักษาเมืองวิญญาณตนนั้นจะต้องเป็นคนที่จงรักภีกดีต่อเมืองและต้องการที่จะปกปักรักษาเมืองจริงๆด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ufabet ฝาก-ถอน ออโต้

ตำนานห้องสีชมพู ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

         เป็นตำนานที่เล่าขานกันปากต่อปากมาจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของ มช. นั่นเอง   นับว่าตำนานนี้เป็นเรื่องเล่าที่ออกแนวสยองขวัญ ห้องสีชมพูมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตำนานเกี่ยวกับหอพัก ซึ่งเป็นหอ 8  โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้น นั้น เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาประมาณปี พ.ศ.  2532

โดยเรื่องราวนี้มีอยู่ว่า มีนักศักษาสาวคนหนึ่งเธอเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในชั้นปีที่  1  เธอได้มีการพักอยู่ที่หอพักภายในมหาวิทยาลัย 

 

เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักศึกษาสาวคนดังกล่าวก็มีแฟน ในช่วงแรกๆนั้น

คู่รักคู่นี้ก็รักใคร่กลมเกลียวกันดี เป็นที่น่าอิจฉาของคนทั่วไป และทั้งคู่ก็ตัดสินใจไปเช่าห้องพักอยู่ด้วยกัน โดยห้องพักของทั้งคู่นั้นจะอยู่ทางด้านหลังของมหาวิทยาลัย เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้โรงเรียน แต่หอพักที่มหาวิทยาลัย หญิงสาวคนดังกล่าวก็ยังมาอาศัยอยู่กับเพื่อนในบางครั้งด้วย 

อย่างไรก็ตามเวลาผ่านไปไม่ถึงปี ความรักที่ฝ่ายชายมีให้ฝ่ายหญิงก็เริ่มลดลง

ห้องสีชมพูมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพราะไปติดพันนักศึกษาสาวคนอื่น ซึ่งฝ่ายหญิงเองก็เริ่มรู้ระแคะระคายมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ทำให้พฤติกรรมของฝ่ายหญิงเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มตามหึงหวงมากขึ้นกว่าเดิมทำให้ฝ่ายชายรำคาญ

อยู่มาวันหนึ่งฝ่ายชายได้มีการนัดจะมารับฝ่ายหญิงกลับไปหอพักแต่ปล่อยให้ฝ่ายหญิงต้องรอนานจนดึกดื่นเมื่อฝ่ายชายมาถึงจึงเกิดการทะเลาะกันแต่ระหว่างที่มีการขับรถไปยังหอพักหญิงก็ได้บอกฝ่ายไทยซึ่งเป็นแฟนของตนเองว่ากำลังตั้งท้องได้ 3 เดือนและเมื่อผู้ชายหรือว่าผู้หญิงกำลังตั้งท้องเขาก็ไม่ยอมรับโดยบอกให้ผู้หญิงไปเอาเด็กออกโดยฝ่ายชายปราบปรามว่าฝ่ายหญิงอาจจะคบชู้และท้องกับคนอื่นทำให้เขาไม่สามารถรับเด็กคนนี้เป็นลูกได้

       หลังจากที่ทั้งคู่ทะเลาะกันฝ่ายหญิงจึงกลับไปอยู่กับเพื่อนที่ห้องพักในมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นตึก 8 ที่เป็นตึกตำนานสีชมพูนั่นเองอยู่มาวันหนึ่งในขณะที่รูมเมทของเธอไม่อยู่เพราะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดด้วยความเสียใจที่ฝ่ายชายไม่ยอมรับลูกของเธอทำให้เธอคิดที่จะเอาเด็กออก

แต่ด้วยเธอไม่กล้าที่จะไปทำแท้งตามคลินิกเถื่อนเธอจึงได้หาวิธีการทำแท้งด้วยตนเองซึ่งเธอได้ใช้ไม้บรรทัดล้วงเข้าไปในมดลูกเพื่อต้องการที่จะคว้านเอาเด็กออกแต่บังเอิญว่าไม้บรรทัดไปกระแทกถูกผนังมดลูกทำให้เกิดการฉีกขาดทำให้เธอตกเลือดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

       แต่ก่อนที่เธอจะตายเธอได้นำเลือดของเธอไปเขียนที่บริเวณผนังห้องใจความว่าเธอไม่ได้มีชู้และเธอมีแฟนหนุ่มเป็นคนรักเพียงคนเดียวซึ่งวันรุ่งขึ้นรูมเมทของเธอกลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัดก็มาพบว่าเธอเสียชีวิตแล้วหลังจากที่มีการทำพิธีศพให้เธอเป็นที่เรียบร้อยทั้งด้านคนดูแลห้องพักก็ได้มีการทำความสะอาดห้องพักลบคราบเลือดที่เธอเขียนทิ้งเอาไว้ด้วย

การนำสีขาวมาทาทับแต่ไม่ว่าจะทาสีขาวทับกี่ครั้งวันรุ่งขึ้นก็จะมีข้อความที่เธอเขียนเอาไว้ปรากฏขึ้นอยู่เหมือนเดิม จนคนในหอพักต่างพากันหวาดกลัวซึ่งเจ้าหน้าที่ดูแลหอพักได้มีการไปเชิญพระมาทำพิธีสวดเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายแต่ก็ไม่สามารถขับไล่ได้

          ทําได้เพียงแค่สะกดวิญญาณไม่ให้ไปหลอกหลอนคนในหอพักเพียงเท่านั้นและนับตั้งแต่พระเข้ามาทำวิธีการสะกดวิญญาณก็ไม่มีใครเจอวิญญาณของหญิงสาวคนดังกล่าวเลยซึ่งคนดูแลหอพักก็ต้องใช้เป็นวิธีการทาสีห้องพักนั้นใหม่ด้วยการใช้สีชมพูแทนเนื่องจากว่าไม่สามารถใช้สีขาวทาได้เพราะทุกครั้งที่มีการทาสีขาวสีเลือดที่เขียนติดผนังไว้ก็จะเด่นขึ้นมาให้เห็นทุกครั้งไปนั่นเองจึงเป็นที่มาของห้องสีชมพู

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  gclub สล็อตฟรี

ตำนานประตูอาถรรพ์ที่ประเทศเปรูที่ไม่มีใครกล้าเปิด 

         ตำนานประตูอาถรรพ์  เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนที่ชื่นชอบการไปเที่ยวต่างประเทศและเคยเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเปรูคงจะเคยได้ยินสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่อยู่บนยอดเขานั้นก็คือมาชูปิกชู   ซึ่งที่นี่คือเทหะสถานร้างที่ผู้คนต่างก็หลงลืมกันมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปีเลยทีเดียวกว่าจะถูกค้นพบเจอใหม่อีกครั้งหนึ่งและการมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในปัจจุบัน 

      สำหรับที่เมืองมาชูปิกชูนี้มันคือป้อมปราการร้างซึ่งเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่  และผู้ที่ค้นพบเมืองป้อมปราการหลังที่นี่นั่นก็คือชายคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวสเปนนั่นเอง  และถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกค้นพบแล้วแต่ด้วยความยิ่งใหญ่กินพื้นที่หลายร้อยไร่จึงมีห้องต่างๆมากมายเต็มไปหมดและนะทางเดินเล็กๆแห่งหนึ่งก็มีห้องอยู่ห้องหนึ่งซึ่งห้องดังกล่าวนั้นมีการปิดประตูตายเอาไว้และไม่มีใครที่จะสามารถไปทำการเปิดประตูนี้ได้ 

        สำหรับป้อมปราการร้านแห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากชนเผ่าอินคาในสมัยก่อนและประตูที่ไม่มีคนเปิดนั้นว่ากันว่านักวิทยาศาสตร์ได้มีการนำเรดาร์มาทำการส่องประตูบานนั้นเข้าไปดูพบว่าด้านในนั้นมีโลหะมากมายเต็มไปหมด และด้านในภายในประตูบ้านนั้นว่ากันว่าเป็นที่ฝังศพและเป็นสุสาน ของกษัตริย์องค์หนึ่งซึ่งมีชื่อว่าประชากุฏิ  ซึ่งกษัตริย์องค์นี้คือกษัตริย์องค์ที่สร้างเมืองมาชูปิกชูขึ้นมานั่นเอง 

         หลังจากที่มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าภายในนั้นเป็นสุสานของกษัตริย์รัฐบาลจึงได้มีการประกาศว่าห้ามบุคคลใดก็ตามแต่ที่เดินทางมาเที่ยวอย่างที่สถานที่แห่งนี้เปิดประตูบานดังกล่าว หลังจากที่รัฐบาลประกาศไม่ให้มีคนเปิดประตูบานดังกล่าวนั้นก็ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงต่างก็พากันร่ำลือว่าสาเหตุที่ทางรัฐบาลไม่ให้นักท่องเที่ยวเปิดประตูดังกล่าวเข้าไปดูสุสานของกษัตริย์นั้นก็เพราะว่าแท้ที่จริงแล้วประตูบานดังกล่าวนั้นหากมีคนเปิดก็จะเกิดอาถรรพ์เกิดขึ้น

        ตำนานประตูอาถรรพ์ อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครเคยออกมายืนยันว่าหากเปิดประตูบ้านดังกล่าวแล้วอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นอะไรเพราะตั้งแต่รัฐบาลมีการประกาศออกไปก็ไม่มีใครกล้าที่จะเปิดประตูดังกล่าวเลยแม้แต่คนเดียวเพราะต่างก็กลัวอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองนั่นเอง

          ซึ่งอันที่จริงแล้วอาจจะไม่ได้มีอาถรรพ์อะไรก็เลยก็ได้  แต่เป็นความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของผู้คนเท่านั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะเปิด  หรือบางคนอาจจะกลัวว่าหากมีการเปิดประตูบ้านดังกล่าวไปจะถูกทางรัฐบาลของประเทศเปรูจากกลุ่มก็เท่านั้นเอง  แต่ถ้าหากใครสนใจที่จะลองไปเปิดประตูบานดังกล่าวนั้นคุณก็สามารถเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเปรูและเดินทางไปที่มาชูปิกชูและทดสอบได้เลยว่าประตูดังกล่าวนั้นหากเปิดแล้วจะมีอาถรรพ์จริงหรือไม่

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  บาคาร่า sa

ผลงานด้านศิลปะโครงกระดูกงูยักษ์  ค้นเจอผ่านทาง Google Earth 

         ผลงานด้านศิลปะโครงกระดูกงูยักษ์  มีหลายครั้งที่เรามักจะเห็นอะไรแปลกๆเมื่อมีการค้นหาข้อมูลผ่านทาง Google Earth ซึ่งบางครั้งคดีฆาตกรรมหลายรายที่เรานั้นยังหาคำตอบไม่ได้เราก็พบได้จากการที่เราส่องจาก Google Earth นั่นเองอย่างเช่นก่อนหน้านี้มีชายคนหนึ่งเล่น Google Earth แล้วสามารถมองเห็นรถในแม่น้ำ

และเมื่อประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูก็พบว่ามีศพอยู่ในรถคันดังกล่าวจริงซึ่งเมื่อตรวจสอบเชิงลึกไปก็จะเห็นได้ว่าศพที่อยู่ในรถคันดังกล่าวนั้นถูกแจ้งความคนหายเอาไว้เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วนอกจากนี้เรายังพบข้อมูลแปลกๆผ่านทาง Google Earth อยู่เป็นประจำ ซึ่งมันทำให้เราเห็นได้ว่า Google Earth นั้นมีความสำคัญมากยิ่ง 

           อย่างไรก็ตามสิ่งเราจะพูดถึงต่อไปนี้นั้นมีความเกี่ยวพันกับการส่อง Google ผลงานด้านศิลปะโครงกระดูกงูยักษ์  เช่นเดียวกันเมื่อวันที่ 14 เดือนมิถุนายนปีพศ 2564 มีผู้ใช้ Google Earth รายหนึ่งได้มีการค้นดูข้อมูลไปทั่วจนในที่สุดเขาก็ว่าจะสถานที่แปลกๆซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั้นอยู่ตรงบริเวณชายหาดแห่งหนึ่งดังนั้นเมื่อเขาเจอลักษณะโครงสร้างแปลกๆเขาจึงได้มีการซูมเข้าไปดูใกล้ๆและเมื่อเขาส่งเข้าไปดูเขาก็ต้องตกใจเพราะว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นโครงกระดูกงูยักษ์ขนาดใหญ่มหึมาหรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นโครงกระดูกของโคตรงูยักษ์เลยก็ว่าได้

           แน่นอนว่าหลายคนหลังจากที่ได้ดูข้อมูลที่เป็นรูปภาพที่ถ่ายมาจาก Google Earth นั้นหลายคนมองว่ามันอาจจะเป็นงูธรรมดาซึ่งมีความใหญ่โตและที่สำคัญมันน่าจะเป็นซากฟอสซิลของงูในสมัยดึกดำบรรพ์ที่มีขนาดความใหญ่โตมโหฬารหรือที่เราเรียกกันว่าไททันโอโบอาซึ่งในสมัยโบราณนั้นงูชนิดนี้มีความใหญ่โตมากมายเลยทีเดียวและเป็นงูที่สูญพันธุ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพโครงกระดูกงูยักษ์ผ่านทาง Social Media ก็ได้มีผู้ให้คำตอบว่าแท้ที่จริงแล้วภาพที่เห็นเป็นโครงกระดูกงูยักษ์นั้นเป็นผลงานศิลปะของชาวจีนคนหนึ่งที่เขาได้สร้างผลงานชั้นเยี่ยมเอาไว้ที่บริเวณริมชายหาด ซิงต์ เบรวิน เส์ ปองส์  ซึ่งชายหาดแห่งนี้อยู่ในแคว้น เปอีเดอลาลัวร์    ซึ่งแขวนนี้อยู่ในทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศสนั้นเองโดยใช้หาดแห่งนี้อยู่ในพื้นที่ของเมือง ลวราตล็องติก 

            สำหรับผลงานด้านศิลปะในครั้งนี้นั้นผู้ที่ก่อสร้างขึ้นมาได้ใช้อลูมิเนียมในการทำเป็นโครงกระดูกของงูยักษ์โดยโครงนี้มีความยาวถึง 120 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าของผลงานศิลปะชิ้นนี้ได้มีการตั้งชื่อผลงานของเขาเอาไว้ว่า  Surpent D’ Ocean  ซึ่งเป็นผลงานศิลปะที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณ ปีพ.ศ. 2555    และโครงกระดูกอลูมิเนียมที่เป็นผลงานศิลปะนี้ไม่ได้เป็นการสร้างขึ้นมาโดยลอกเลียนแบบของงูแต่เป็นผลงานที่สร้างขึ้นมาจากมังกรซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานของประเทศจีนนั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  ufabet ฝาก-ถอน ออโต้

ตำนานความน่ากลัวของศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ 

           ที่ประเทศญี่ปุ่น จะมีศาลเจ้าที่ชื่อว่า ศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ   ซึ่งอยู่ในเมืองโตเกียวเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นนั่นเองโดยสารเจ้าแห่งนี้นั้นเป็นศาลเจ้าที่ชาวเมืองญี่ปุ่นใช้ในการบูชาเทพเจ้าจิ้งจอก  โดยศาลเจ้าแห่งนี้นั้นบริเวณทางเข้าจะมีรูปปั้นของจิ้งจอกตัวมหึมาอยู่และที่บริเวณลำตัวของรูปปั้นจิ้งจอกนั้นก็จะมีป้ายอันสีแดงคล้องคออยู่

        ส่วนทางเข้าของศาลเจ้านั้นจะมีการสร้างประตูที่ทำด้วยไม้ เป็นเสา โดยเสาเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า เสาโทริอิ  เป็นประตูทางเข้าซึ่งทาสีแดง โดยเสาเหล่านี้มีมากว่าหนึ่งหมื่นต้นเลยทีเดียว และตรงบริเวณเสายังมีตัวอักษรญี่ปุ่นกำกับเอาไว้ตามความ  สำหรับนักทอ่งเที่ยวคนไหน ที่อยากจะมาเคารพสักการะ งศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ  แห่งนี้นั้น จะต้องใช้ระยะเวลาเดินทางค่อนข้างนานมากเลยทีเดียว

          เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้นั้นจะอยู่ห่างจากถนนใหญ่ไปประมาณเกินกว่า 4 กิโลเมตรด้วยกันและสองข้างทางนั้นก็จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ซึ่งเป็นป่าสีเขียวขจีเต็มไปหมด ศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ   ซึ่งถ้าหากใครเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงเวลากลางวันนั้นจะสามารถถ่ายรูปสวยๆของวิวทิวทัศน์สองข้างทางได้มากมายหลายรูปเลยทีเดียวแต่ถ้าหากใครที่มาคนเดียวก็อาจจะดูน่ากลัวไปหน่อยเพราะที่วัดแห่งนี้นั้นค่อนข้างที่จะเงียบเหงาและวังเวงเป็นอย่างมาก

            และถ้าหากมาช่วงเวลากลางคืนแล้วเราก็จะน่ากลัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียวโดยที่ งศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ  แห่งนี้นั้นได้มีการเล่าถึงตำนานความน่ากลัวของที่ศาลเจ้าแห่งนี้โดยระบุว่าหากใครที่เดินทางมาเคารพสักการะที่ งศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ  แห่งนี้ มีกฎห้ามอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือห้ามมองไปที่ดวงตาของรูปปั้นเทพเจ้าจิ้งจอกอย่างเด็ดขาดเพราะถ้าหากใครมองเข้าไปในดวงตาของเทพเจ้าจิ้งจอกแล้วแล้วก็มันจะเหมือนกับเป็นการลบหลู่

            ซึ่งผลที่ตามมาก็คือคุณจะไม่สามารถเดินทางออกมาจากงศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ  ได้อีกเลยหรือถ้าหากใครที่สามารถจะออกมาจากงศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ แห่งนี้ได้พวกเขาเหล่านั้นก็จะลืมเรื่องราวในช่วงเวลาที่เขาหายตัวไปพวกเขาจะจำไม่ได้ว่าเหตุการณ์ในช่วงที่เขาหายตัวไปนั้นเขาไปเจอเรื่องราวอะไรมาบ้าง

          อย่างไรก็ตามเรื่องราวนี้เป็นเพียงแค่ตำนานความเชื่อเพียงเท่านั้นซึ่งถ้าตามหลักทางวิทยาศาสตร์และอาจจะมองได้ว่าเนื่องจากระยะทางในการเดินทางไปที่งศาลเจ้าฟูชิมิ  อินาริ  แห่งนี้ค่อนข้างไกลพอสมควรและตลอดสองข้างทางก็เป็นป่าไม้ทำให้ถ้าหากคนที่ไม่ชำนาญทางแล้วแวะเที่ยวตลอดสองข้างทางก็อาจจะทำให้หลงป่าได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย  ufabetฝ่ายบริการ

ตำนานตุ๊กตาผีผมยาวโอคิคุ 

          เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยิน ตำนานตุ๊กตาผีผมยาวโอคิคุ  เกี่ยวกับเรื่องของตุ๊กตาผีผมยาวของประเทศญี่ปุ่นกันมาบ้างซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ลองไปพิสูจน์ไปดูของจริงว่าตุ๊กตาผีผมยาวนั้นมีอยู่จริงหรือไม่  ซึ่งปัจจุบันนี้ตุ๊กตาผีผมยาวนี้ยังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่วัดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง

       โดยวัดที่มีการจัดเก็บตุ๊กตาผีผมยาวนี้ไว้ชื่อว่าวัดมันเนน   ซึ่งวัดแห่งนี้นั้น ตั้งอยู่ในจังหวัดฮอกไกโด  และวัดแห่งนี้นั้น  อยู่ในหมู่บ้านคุริซาว่า  อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องเล่าตำนานของตุ๊กตาผีผมยาวนี้  ยังไม่เคยมีใครที่จะหาข้อพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

        เพราะ ตำนานตุ๊กตาผีผมยาวโอคิคุ  ตัวนี้นั้นเป็นตุ๊กตาที่มีผมยาวขึ้นมาจริงๆและมีคนคอยตัดผมให้กับตุ๊กตาตัวนี้อยู่เป็นประจำไม่เช่นนั้นผมก็จะยาวออกมาเรื่อยๆแต่หลังจากที่มีการนำไปเก็บไว้ที่วัดมันเนน ความเฮี้ยนของตุ๊กตาตัวนี้ก็ลดลงจนกลายมาเป็นเพียงเรื่องเล่าของตำนานเท่านั้น 

          สำหรับเรื่องราวความน่ากลัวของตุ๊กตาผีผมยาวตัวนี้นั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยปีไทโชที่ 8   โดยในตอนนั้นที่หมู่บ้าน คุริซาว่าแห่งนี้นั้น มีครอบครัวหนึ่งที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่และลูกสาว ซึ่งกำลังอยู่ในวัยน่ารัก เธอายุเพียงแค่ 3 ขวบเท่านั้นเอง 

           และหนูน้อยคนนี้มีชื่อว่าโอคิคุ  อย่างไรก็ตามด้วยสุขภาพร่างกายของหนูน้อยโอคิคุ นั้นไม่ค่อยจะแข็งแรงมากนัก  เธอมักจะเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆจึงไม่ได้ค่อยออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆบ่อยมากนักพ่อกับแม่ของเธอนั้นจึงได้มีการซื้อตุ๊กตามาให้เธอเอาไว้เล่นเป็นเพื่อนซึ่งตุ๊กตาตัวนี้เธอรักมันมากเลยทีเดียวเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิง

         ซึ่งมีผมยาวและมีใบหน้าคล้ายกับหนูน้อยโอคิคุ อีกด้วย แต่เราอยู่มาวันหนึ่งหนูน้อยโอคิคุ ก็ได้เสียชีวิตลงเพราะการป่วยของเธอนั่นเองและด้วยความที่พ่อแม่ของเธอนั้นรักเธอมากเมื่อทำพิธีฝังศพให้กับหนูน้อยโอคิคุ เรียบร้อยแล้วด้วยความที่พ่อกับแม่กลัวว่าลูกสาวของเขานั้นจะเหงาจึงได้นำตุ๊กตาตัวโปรดของลูกสาวเอามาวางไว้ที่บริเวณหน้าหลุมศพ

           และนี่คือจุด เริ่มต้นของความร้อนนั่นเองเพราะหลังจากที่มีการนำตุ๊กตาตัวนี้มาวางไว้ที่หน้าศพของหนูน้อยโอคิคุ แล้วเมื่อเวลาผ่านไปพ่อแม่ของหนูน้อยจะมาทำพิธีเคารพศพของลูกสาวก็มักจะเห็นว่าตุ๊กตาตัวนี้นั้นมีผมยาวขึ้นเรื่อยๆซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับพ่อแม่ของหนูน้อยเป็นอย่างมากพวกเขาเคยทดลองตัดผมของตุ๊กตาให้สั้นลงแต่หลังจากนั้นคงตุ๊กตาก็กลับมายาวเหมือนเดิมจึงทำให้เรื่องเล่านี้มีการเล่าขานกันมากในหมู่บ้าน

           ซึ่งชาวบ้านนั้นพากันหวาดกลัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียวจึงได้นำตุ๊กตาตัวนี้ไปไว้ที่วัดมันเนน และนับตั้งแต่นั้นมาตุ๊กตาตัวนี้จึงมีการเรียกชื่อว่าโอคิคุ ตามชื่อเจ้าของตุ๊กตานั่นเอง และหากใครอยากจะไปดูตุ๊กตาตัวนี้ยังถูกเก็บรักษาไว้ที่วัดมันเนน นะคะ

 

สนับสนุนโดย  สมัครเว็บ ufabet

ตึกผีร่างใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครย่านสาธร

ซึ่งตึกร้างผีสิงที่เรากำลังจะพูดถึงนี้หลายคงก็น่าจะรู้จักกันอยู่แล้วที่มีชื่อว่าสาธรยูนีคทาวเวอร์ที่มีช่างภาพคนหนึ่งเขาได้เข้าไปทำการถ่ายรูปตั้งแต่ชั้นบนสุดและไล่ลงมาเรื่อยๆใกล้จะถึงชั้นล่างเขาได้พบกลิ่นปริศนาที่คาดว่าน่าจะเป็นศพ

ปรากฏว่าช่างถ่ายรูปได้เข้าไปสำรวจดูปรากฏว่าพบเจอศพฝรั่งที่ผูกคอตายอยู่ในตึกแห่งนี้หลังจากนั้นเขาทำอะไรไม่ถูกได้เขียนเรื่องราวดังกล่าวลงในบอร์ดพันทิปและก็ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่และทีมกู้ภัยให้เข้ามาสำรวจอีกที

นอกจากนี้ที่ทางทีมกู้ภัยได้ทำการค้นหาอยู่นานปราฏกว่าไม่พบเจอสิ่งใดๆที่ช่างภายได้กล่าวเลยจึงทำให้ช่างกล้องมีความเครียดเพราะจะโดนข้อหาแจ้งความเท็จเขาจึงให้ค้นหาอีกสักนิดปรากฏว่าก็พบเจอศพที่ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นไปทั่วทั้งห้องและมีสิ่งลี้ลับมากมาย

โดยมันก็เลยทำให้คนยิ่งมาสนใจตึกแห่งนี้เข้าไปใหญ่ก็เลยต้องมีคนที่ต้องการที่จะเข้ามาลองของที่จะต้องการท้าพิสูจน์เกี่ยวกับเรื่องผีได้เข้ามาบุกตึกแห่งนี้มากขึ้นๆเรื่อยๆจนสุดท้ายตึกแห่งนี้ต้องทำการบังคับไม่ให้คนเข้ามาในตึกด้วยเหตุผลที่ว่าตึกแห่งนี้มีความเก่ามากมีอายุกว่า20ปีแล้วหากมีคนเข้าไปด้านในอาจจะเกิดอันตรายได้และตึกแห่งนี้ไม่มีรั้วกั้นเป็นเพียงตึกที่ได้โบกปูนเอาไว้เป็นชั้นๆสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

หากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาเจ้าของตึกหรือเจ้าของพื้นที่แห่งนี้ก็ต้องรับผิดชอบฉะนั้นแล้วเข้าก็เลยทำการปิดทางเข้าตึกแห่งนี้นั่นเองแต่ต่อให้ปิดตึกไปแล้วมัน็ยังมีคนบางคนใจกล้าน่าด้านเลือกที่จะบุกเข้าไปล่าท้าผีในตึกแห่งนี้จากข้อมูลที่ได้ไปหามาได้มันจะมีอยู่ประมาณ2-3บุกเข้าไปในตึกแห่งนี้และลองล่าท้าผี

เนื่องจากนี้คนแถวนั้นเขาได้อ้างว่าเขาได้เจอเหตุการณ์ประหลาดๆเยอะแยะมากมายบางคนในกลุ่มนั้นได้ยินเสียงของตกได้ยินเสียงของผู้หญิงร้องไห้และได้ยินเสียงขำก็มีหรือบางคนได้เห็นคนอยู่หางตาไปมาตลอดเวลาหรือบางคนหนักที่สุดถึงชั้นที่ว่าขนาดกลับจากสถานที่นี้ไปแล้วบุคคลนั้นเขากลับเห็นผู้หญิงที่อยู่ในตึกแห่งนี้ตามเขาไปถึงบ้านเลยก็มีเช่นกัน

ดงนั้นสิ่งที่ได้ฟังมาหาข้อมูลมามันน่าขนลุกมากๆแต่ถามว่าตรงนี้มันได้มีหลักฐานอะไรยืนยันไหมมันไม่มีหลักฐานอะไรเลยมันเป็นเพียงคำพูดและคำบอกต่อของคนเพียงแค่กลุ่มสองกลุ่มเท่านั้นเอง

 

สนับสนุนโดย.    ufabet เว็บแม่

เกจิ พระชื่อดังของประเทศไทย

 

นอกจากพระพุทธรูปที่ชาวไทยและพุทธศาสนิกชนนั้น ได้ให้ความศรัทธาและเลื่อมใส กราบไหว้แล้วนั้น ในความเป็นจริง ประเทศไทยของเราก็ยังคงมี พระเกจิอาจารย์ ที่เมื่อครั้งที่ท่านเหล่านี้ยังคงมีชีวิตอยู่นั้น ก็ได้สร้างคุณงามความดีของชาวพุทธอย่างพวกเรานับถือและเลื่อมใส ตลอดจนเรื่องราวต่างๆที่เป็นปาฎิหารย์

ให้พุทธศาสนิกชนเห็นกันอย่างคาดไม่ถึง จนเป็นที่เล่าขานกันต่อๆมา ให้คนรุ่นหลังได้ยินและมีความศรัทธา จนถึงมีลูกศิษย์ลูกหาได้ร่วมแรงร่วมใจกันหล่อรูปท่านเพื่อเป็นสิริมงคลและให้ชาวพุทธทุกท่านได้มีโอกาสไปกราบไหว้ โดยท่านแรกที่อยากจะแนะนำให้พุทธศาสนิกชนได้ไปกราบไหว้กันนั้นก็คือ 

หลวงปู่มั่น พระเกจิดังที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพก็คือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หรือพระอาจารย์มั่น ภูริทตโต พระอาจารย์ใหญ่สายวัดป่า วึ่งเป็นพระผู้เป็นเลิศทางธุดงควัตร

ซึ่งรูปหล่อของหลวงปู่มั่นขนาดใหญ่นั้น อยู่ที่พุทธอุทยานบ้านคำบง หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ณ บ้านคำบง ตำบลสงยาง อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีความสูงที่รวมฐานแล้ว ถึงประมาณ 40 เมตร เลยทีเดียว

หลวงปู่ทิม หรือพระครูภาวนาภิรัต อิสริโก วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ เป็นยอดพระคณาจารย์ที่มีพลังจิตแก่กล้าและพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เคารพเลื่อมใสของชาวระยองและพุทธศาสนิกชนทั่วไป ซึ่งรูปหล่อของหลวงปู่ทิมมีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ที่วัดละหารไร่ อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง มีขนาดหน้าตักกว้าง 12 เมตร และสูงถึง 29 เมตร

หลวงปู่ดูลย์ หรือพระราชวุฒาจารย์ ที่อุทยานหลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดป่าโยธาประสิทธิ์ จังหวัดสุรินทร์ ที่ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีลักษณะเป็นรูปเหมือนแบบปั้นขนาดใหญ่ที่สุด หน้าตักกว้าง 8.09 เมตร สูง 19.19 เมตร ซึ่งภายในรูปปั้นเหมือนนั้น ได้บรรจุกะโหลกส่วนหน้าผาก เส้นผม พระธาตุ จีวร ที่หลวงปู่เคยครองเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งได้จากคณะศิษยานุศิษย์ที่นำมามอบให้เพื่อบรรจุไว้ภายในองค์หลวงปู่ด้วย

หลวงพ่อท่านคล้าย พระเกจิอาจารย์ที่ชาวใต้เลื่อมใสศรัทธากันอย่างยิ่ง ซึ่งท่านเองนั้นมีความศักดิ์สิทธ์ของวาจา พูดอย่างไร ก็จะเป็นอย่างนั้น โดยรูปหล่อของท่านที่วัดธาตน้อยหรือวัดพระธาตุน้อย ตำบลหลักช้าง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็นรูปหล่อขนาดใหญ่ที่ประชาชนนิยมมากราบไหว้ขอพรกันมาก

ดังนั้นหากใครต้องการขอพรอะไร ใกล้ที่ไหน ก็ไปกราบไหว้เคารพสักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลกันนะ

 

สนับสนุนโดย.  เวปยูฟ่าเบท